ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายยศพล เวณุโกเศศ ประกาศจะรับสมัครสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษฯสังกัด สอส. ตามหลักเกณฑ์ ว.16 และ ว.17 โดยตั้งเป้าจะรับสมัครผ่านระบบออนไลน์ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ รับสมัครจากบุคลากรที่เป็นครูพิเศษจ้างสอน ลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานราชการได้สอบบรรจุตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีมีความจำเป็นหรือเหตุเหตุพิเศษว.16 ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรา 30 แห่งพรบ.ระเบียบบริหารข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ 2547 และมีคุณสมบัติตามมาตรฐานตำแหน่งและมีสัญญาจ้างเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่สอน ส่วนสายสนับสนุนแต่ได้รับการมอบหมายให้สอนนั้นจึงจะมีสิทธิ์สมัครสอบ
เป็นข้อที่ถกเถียงและมีข้อเรียกร้องจากบุคลากรลูกจ้างของอาชีวศึกษา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการต่างๆ ตามวิทยาลัยฯทั่วประเทศซึ่งมีจำนวนมากแต่ละรายก็ปฏิบัติหน้าที่มายาวนานบางราย 15 ปี ถึง 20 ปีก็มีแต่ก็อยากมีโอกาสได้สอบเป็นครูผู้ช่วยฯ เพื่อจะได้มีความมั่นคงในชีวิตเช่นกัน แต่เนื่องจาก สอศ.อ้างกฎกติกาไม่เอื้อให้กับเจ้าหน้าที่ธุรการ ซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนการเรียนการสอนของวิทยาลัยฯ มาอย่างต่อเนื่องเพราะอ้างต้องเป็นไปตาม กฎ ก.ค.ศ
ด้านนายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรี ประธานเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย(ค.ร.อ.ท.)ได้แจ้งให้สมาชิกฯ ที่มาเรียกร้อง ขอให้ สอศ.ได้พิจารณาปรับเงื่อนไขการรับสมัครครูผู้ช่วยกรณีพิเศษในครั้งนี้ โดยเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ธุรการ ในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาสถาบันการอาชีวศึกษาและตามวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการเรียนการสอนมาอย่างต่อเนื่องยาวนานแต่ติดตรงที่ไม่ได้ทำการสอนเพราะเป็นเจ้าหน้าที่เนื่องจากสถานศึกษาแต่ละแห่งเวลารับสมัครก็จะแยกชัดเจนว่ารับสมัครครูพิเศษสอนหรือเจ้าหน้าที่ดังนั้นจึงเป็นการปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ธุรการได้สอบทั้งที่อดีตเคยเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ธุรการได้สอบทุกครั้งแต่พึ่งมาเกิดในช่วงเลขาอาชีวะคนก่อนที่ผ่านมาโดยให้เหตุผลว่าเป็นไปตามกฎกคศ. แต่สมาชิกเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษา(ค.ร.อ.ท.)ต่างมีความเห็นว่าเมื่อมีการสอบบุคคลภายในก็ควรที่จะเปิดโอกาสให้บุคคลภายในมีสิทธิ์สอบด้วยเพียงแต่ขอให้มีคุณสมบัติคือวุฒิตรงตามสาขาหรือมีใบประกอบวิชาชีพบางสาขาที่กำหนดเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่ที่ต้องการความมั่นคงในชีวิตเช่นกัน แต่เป็นผู้ด้อยโอกาส
นายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรี ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆในการรับสมัครนั้นสามารถกระทำได้แต่ต้องเป็นการดำเนินการโดยอ.ก.ค.ศ.ของสอศ.เป็นผู้นำเสนอต่อก.ค.ศ.เพื่อให้พิจารณาถ้าหากว่าเลขาอาชีวศึกษาหรือคณะกรรมการของอาชีวศึกษามีความจริงใจที่จะช่วยเหลือบุคลากรภายในควรที่จะมีการปรับแก้กฎระเบียบต่างๆเพื่อที่จะให้บุคคลเหล่านี้มีโอกาสสอบอาชีวศึกษาก็อาจจะได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถในบรรจุแต่งตั้งเป็นครูผู้ช่วยต่อไป
และอีกประเด็นหนึ่งที่เครือข่ายฯ(ค.ร.อ.ท.)ได้เรียกร้องมาอย่างต่อเนื่องคือต้องการให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้แก้กฎระเบียบเกี่ยวกับการขอย้ายของครูผู้ช่วยกรณีพิเศษว.16 ซึ่งกำหนดไว้จะขอย้ายได้ต้องปฏิบัติหน้าที่ครบ 4 ปีแต่ในขณะครูผู้ช่วยประเภททั่วไปกำหนดไว้แค่ 2 ปี ก็มีสิทธิ์ขอย้ายได้ทั้งที่เป็นข้าราชการสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเช่นกัน แต่เป็นเพราะเหตุใดจึงใช้กฎระเบียบคนละข้อน่าจะต้องมีการแก้ไขเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาลจึงขอฝากให้เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้เร่งพิจารณาให้ความช่วยเหลือกับบุคลากรในสังกัดฯให้เกิดความยุติธรรมและความเท่าเทียม เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้บุคลากรที่บรรจุอยู่ห่างไกลต่างภูมิลำเนาได้มีโอกาสย้ายกลับภูมิลำเนาอยู่ร่วมกับครอบครัวเพื่อสร้างความสุขและประหยัดค่าใช้จ่ายต่อไป
