แข่งกันทำเรื่อง ? 

     ช่วงนี้คนไทยต้องทุกข์ใจเพราะสภาพเศรษฐกิจมากพอแล้ว ต้องมารับกรรมเรื่องน้ำท่วมเข้าไปอีก เรียกว่าทั้งโรคซ้ำกรรมชัดวิบัติเป็น  หนทางแก้ไขคือรัฐบาลต้องหาทางเยียวยากันต่อไป

     ที่แย่ ฮือฮาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  เกิดจากการกระทำของบุคคลระดับผู้นำ ในกระทรวงศึกษาธิการ ที่สาวนางหนึ่งสอบครู พนักงาราชการได้ ที่จังหวัดสระแก้ว ผลประกาศออกมาเป็นทางการ

     ตราครุฒการันตี ว่ามาจากหน่วยงานราชการ นายประยงค์ สารภูมิ   ผอ. สพม.สระแก้ว ลงนามรับรอง  ว่าคุณเธอสอบได้ พร้อมนำลงเฟซบุก ส่วนตัว  เตรียมลาออกจากงานเดิม เพื่อไปรายงานตัว  

     3 วันต่อมา ถูกลบชื่อออกจากบัญชี แล้วมีชื่อคนใหม่มาแทน สพม.บอกว่าเกิดผิดพลาด แถมขอให้ผู้สอบได้ ลบโพสต์ 

     เรื่องไม่จบแค่นั้น เมื่อไปออกรายการโหนกระแส  ผอ. สพม. ออกมาร่ายยาวเป็นหางว่าว บอกว่า เป็นการประมวลผลผิดพลาด สอบไม่ติดตั้งแต่แรกแล้ว พร้อมขอโทษ และจะให้เป็นครูอัตราจ้าง ใช้งบการกุศลจากผู้บริจาค เถไปนั้น 

     มันทุเรศ ทุรัง สิ้นดี คนเป็นผู้บริหารทำงานได้แค่นี้ 

     ความผิด มันเกิดจากการกระทำในสารสำคัญ ง่ายไปไหม กับคำพูดลิ้นไร้กระดูก

      ถึงขนาด มูลนิธิทวงคืนความยุติธรรม บอกว่า มีบุคคลนิรนามย่องเงียบ หาครูเบญ ขอเครีย ขอพาไปคุยที่สำนักงานเขตพื้นที่

     หลายองค์กรกำลังจับตามอง ปัญหานี้อยู่

     ถึงว่า ความพยายาม ทวงคืนอำนาจ หลังถูก ม.44ไปอยู่ ศึกษาธิการจังหวัด มี กศจ.คุม ได้พักใหญ่ ให้การบริหารกลับขึ้นตรงกับตนเอง

      ด้วยเหตุนี้กระมัง การศึกษาไทยถึงได้ถดถอย รั้งท้ายอาเชียน มันหดหู่หัวใจ

     วันนี้สังคม เขาไม่เชื่อในพฤติกรรม เพราะการสอบพนักงานราชการครู อำนาจเด็ดขาดอยู่ ผอ.สพม.ในแต่ละพื้นที่ โรงเรียนไหน จะทำก็นำเสนอขึ้นไปแล้วมาจัดสอบกันเอง ชงเอง กินเอง 

     มีดรามา การย้ายข้าราชการครู ข้ามเขต ว่าต้องมีตัวเลขประกอบการพิจารณาเริ่มหนาหู

     ธนุ วงษ์จินดา เลขา สพฐ. สั่งย้ายด่วนทันที  หวังว่าคงไม่จบแค่ย้าย เพราะความผิดมันเกินจะรับได้ ยิ่งกว่าเลินเล่อ สร้างรอยด่างทางความคิด ให้สังคมต้องสงสัยว่า ทำไมมันง่ายกันจัง  แค่บอกว่าข้อมูลผิดพลาด 

    เหอะ เชื่อดีไหม?

    ทาง สพม.สระแก้ว ออกคำสั่งใหม่ ยกเลิกประกาศผู้สอบได้ทั้งหมด จนกว่าจะสืบสวนกรณีครูเบญ เสร็จสิ้น

    เข้าตำรา ลูกฉันเป็นคนดี 

     นี่ก็อีกรายในวงการศึกษา แต่เป็นส่วนของสำนักงานอาชีวศึกษา ที่มีการแต่งตั้ง ผู้บริหารระดับพื้นที่จังหวัด หรือเรียกว่า อาชีวศึกษาจังหวัด (อศจ.) 

     ปี 65   ธนุ วงษ์จินดา นั่งแป้นเลขา มีการจัดตั้ง สำนักงานอาชีวศึกษา ทั้งหมด 77 จังหวัด นัยว่าเพื่อความเข้มแข็ง คล่องตัวในการบริหารงาน หรือกระจายอำนาจนั้นเอง ไม่ต้องรอส่วนกลางสั่งการ ใช้วิทยาลัยเทคนิค ขนาดใหญ่ ในพื้นที่  ที่มีศักยภาพ เป็นที่ตั้ง และให้ ผอ.วิทยาลัยนั้น เป็น ผอ. สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด  นั่งบริหาร  มีระเบียบรองรับตามกฏหมาย 

     คนอาชีวะต่างมีความหวังว่าการจัดตั้งสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดขึ้น จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความเข้มแข็ง การจัดการศึกษาของอาชีวะแต่ละจังหวัด เป็นเอกเทศและเอกภาพ ให้เป็นหน่วยงานระดับจังหวัด ที่มีตำแหน่งไม่ต่างจาก เขตพื้นที่การศึกษาหรือสำนักงาน สกร.จังหวัด

    วันนี้การขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด น่าจะพบปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้น

    นั่นคือหลังจากมีการแต่งตั้งโยกย้ายหรือเกษียณอายุของผู้ปฏิบัติหน้าที่ ของ ผอ.อาชีวศึกษาจังหวัดนั้น ๆ    เลขาฯ สั่งผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็ก มาเป็น ผอ. สอจ.ซึ่งผิดข้อเท็จจริง เช่น แต่งตั้ง ผอ.วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ มีนักเรียน 400 คน มาเป็น ผอ. อศจ.สมุทรปราการ ขณะที่ เทคนิคสมุทรปราการ มีนักเรียน 3,500 คน  เช่นเดียวกัน ตั้ง ผอ. สารพัดช่างพระนคร ไม่มีนักเรียนในระบบ ไปแทน เทคนิคมีนบุรี ขณะที่นักเรียน กว่า 3,000 คน 

    ซ้ำยังตั้ง ผอ.ที่โดนคดีถูกจับสด คดีอยู่ในศาลเวลานี้  

    ไม่ได้คำนึงถึงแนวทางเดิม คือแทนที่จะตั้งผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคขนาดใหญ่ ให้เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด

    แต่ สอศ. กลับไม่ได้พิจารณาตามเจตนารมณ์ของการจัดตั้งสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด ตามเจตนาเดิม แต่อย่างใด

    ขณะสำนักงาน สอจ. ก็ยังอยู่ที่วิทยาลัยเดิม ไม่ย้ายไปด้วย  นี่คือปัญหาที่จะต้องคิด เพราะค่าใช้จ่าย เกิดขึ้น  ผอ.วิทยาลัยบางแห่งอยู่ห่างไกล ต่างอำเภอ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เสียงบประมาณย่อมเกิดปัญหาในการบริหารงานแน่นอน

    หรือจะมองว่า ไม่ใช่พวกของตนก็เป็นได้ หรือเพราะไม่มีคุณภาพ  

    สอศ. อาจจะลืมคิดว่าหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเป็นหน่วยงานภายใน แทนที่จะให้มีการดำเนินหรือทำหน้าที่ด้วยความกระชับและเป็นการประหยัดแต่ละเลยในจุดนี้

    สิ่งที่พอมองออกคือ งานบุคคล สามัญสำนึกผู้นำองค์กร ความเป็นไปได้อยู่ตรงไหน  

    ขอฝาก ท่านยศพล เวณุโกศล เลขาธิการ สอศ.ได้พิจารณาและใช้หลักการบริหารของการมีส่วนร่วมในจังหวัดนั้นๆ และพิจารณาการแต่งตั้งที่ตนเองลงนามลงไป อย่างรอบคอบ เป็นธรรม จริยธรรม ไม่เห็นแก่พวกพ้อง  หรือผู้ใกล้ชิด น่าจะทำให้ภาพลักษณ์อาชีวะชื่นมื่น