ผลประกาศ สอบเป็น ผอ.อาชีวะ เมื่อครูสอนสอบผ่าน เป็น ผอ. ไม่ต้องเป็นรอง มาก่อน ทำ รองผอ.อาวุโส ช็อค! ที่ไม่ผ่านการเป็นรอง ผอ.มาแม้วันเดียวได้เป็นผอ.เฉย
3 มีนาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศผลสอบเป็น ผอ.ใหม่ โดยที่ สอศ. อ้างเหตุ เอาสีข้างถู ในการใช้เกณฑ์เก่าว่าเป็นครั้งสุดท้ายนี้ ก่อนทำตาม กคศ. ที่ออกกฏห้าม
ทำให้บรรดารองๆ ระดับอาวุโส ต้องผิดหวังกระอักเลือดกันทั่วหน้า เพราะไม่ตรงปก ตามที่ สอศ.กล่าวอ้าง
คือ ต้องการผู้ที่มีความรู้ ประสบการณ์สูงมาเป็น ผอ.
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้ประกาศรายชื่อผลการสอบคัดเลือกผู้บริหารเพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 33 อัตรา
งานนี้สร้างความตกตะลึงให้กับคนอาชีวะทั้งประเทศไม่น้อย บางคนรู้สึกผิดหวัง เศร้าใจ หมดความเชื่อมั่นศรัทธาในองค์กรตนเอง
บางคนมีความมั่นใจในคุณภาพและผลงานของตนเอง แต่เหตุใดที่ไม่สามารถชนะใจกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงได้
บางรายนั่งดำรงตำแหน่งรอง ผอ.มาไม่ต่ำกว่า 10 ปี หรือบางรายรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการมาอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็น รองผอ.ที่มีประสบการณ์สูง แต่ล้วนผิดหวังถูกเทกระดานกันถ้วนหน้า
ขณะอีกจำนวนหนึ่งที่ภาคภูมิใจในความสำเร็จ ในผลงานของตนเองที่สามารถชนะใจกรรมการได้
ในสายตาของผู้เข้าสอบครั้งนี้ ทุกคนจะมองว่า สอศ.เอาเกณฑ์ อะไรมาวัดในด้านความรู้ความสามารถของแต่ละคน ขนาดมีผู้บริหารระดับสูงของอาชีวะ ท่านหนึ่งเคยได้ประกาศตอนชี้แจงหลักเกณฑ์ว่า ผู้ที่จะเป็นผอ.ในรอบนี้จะต้องเป็นคนที่มีความรู้มีประสบการณ์สูง
ไม่เน้นทฤษฎีการสอบภาค ก มาก เพราะในการทำงานสามารถเปิดตำราได้
ต้องการผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูงในการทำหน้าที่ เพื่อเป็นตัวแทน สอศ. ในการบริหารงานสร้างความเข้มแข็งให้กับวิทยาลัย
เพื่อสนองนโยบายของ รมต. ว่างั้นเหอะ
ทาง กคศ. ก็ได้ประกาศหลักเกณฑ์ใหม่แล้วว่า
ผู้ที่จะมาเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยนั้นต้องผ่านการเป็นรองผู้อำนวยการมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ หรือ คศ.3
และเมื่อดูรายชื่อผู้ที่สอบผ่านที่ติดอยู่ใน 33 คน ที่จะไปเป็น ผอ.ครั้งนี้ มันช่างย้อนแย้งกับที่ได้ประกาศไว้โดยสิ้นเชิง
เสียงวิพากษ์กันหนาหูว่าผู้ที่ได้รับการประกาศรายชื่อบางคนนั้นไม่เคยผ่านการเป็นรองผอ.มาก่อนแม้แต่วันเดียว
แต่ทำไมได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้อำนวยการ สร้างความสงสัย เกิดข้อกังขาให้กับผู้เข้าสอบกว่า 500 คน ว่ามีความรู้ ประสบการณ์ ผลงานด้านใดบ้างที่โดดเด่น เป็นเลิศ จึงสามารถเอาชนะคนกว่า 500 คนได้
มันมีนัยยะอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ คนในเขารู้ซึ้ง
ทางที่ดีผู้บริหารต้องออกมาชี้แจงเหตุเพื่อความกระจ่าง
หรือมีที่ไปที่มาอย่างไร สอศ. ควรออกมาให้ข่าวในเรื่องนี้ให้มีความกระจ่างชัดเพื่อเป็นตัวอย่าง มีความโปร่งใสเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
ขณะนายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรี ประธานเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความเห็น เมื่อได้เห็นการประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบ ผอ.ของสอศ.ในครั้งนี้
โดยบอกว่าจะได้ยื่นเรื่องต่อ รัฐมนตรี และป.ป.ช.ให้ตรวจสอบความพิกลพิการการสอบครั้งนี้ รวมถึงพูดย้ำถึงความผิดพลาดตั้งแต่การประกาศรับสมัครโดยใช้เกณฑ์เก่า ทั้งที่วันที่ สอศ. ประกาศสอบในครั้งนี้
กคศ. ได้ประกาศให้ใช้ระเบียบหลักเกณฑ์การสอบผอ.ใหม่แล้ว ว่าคนที่จะมาเป็น ผอ. นั้น ต้องเป็นรองผู้อำนวยการมาก่อน และมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่า คศ.3 หรือชำนาญการพิเศษ เพื่อให้ได้คนที่มีความรู้ประสบการณ์ในการบริหารที่แท้จริง
การสอบโดยใช้เกณฑ์เก่า ในครั้งนี้ยังทำให้เกิดช่องว่างในการพิจารณาคุณสมบัติและเกณฑ์การให้คะแนนต่างๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมถึงการแต่งตั้งกรรมการคัดกรองกลั่นกรองของส่วนกลางที่อาจจะมีส่วนทำให้ไม่เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม
ถึงแม้หลังประกาศรายชื่อจะมีผู้บริหารระดับสูงบางท่านออกมายืนยันว่าการสอบครั้งนี้บริสุทธิ์ยุติธรรมไม่มีเด็กเส้นไม่มีเด็กนายใหญ่แม้แต่คนเดียวก็ตาม โดยรายชื่อของผู้ผ่านการสอบทั้ง 33 คน นั้นทำให้บรรดารองผอ. ทั่วประเทศต่างได้พูดถึงการสอบครั้งนี้ มันฟ้องตัวมันเอง
มันบั่นทอนหลักธรรมาภิบาลในอาชีวะลงอย่างสิ้นเชิง
มีหลายคนสอบถามว่า เหตุใดจึงมี ครูเล็ดลอดเข้ามาได้ 1 ราย เป็นผู้มีความรู้มีประสบการณ์มีความเหนือกว่ารองผอ.ทั้งประเทศที่เข้าสอบในครั้งนี้หรือไม่ อย่างไร…ชวนสงสัย
ทางเครือข่าย จะได้ทำหนังสือสอบถามไปถึง รมต.เลขาฯ สอศ.และจะยื่นเรื่องเพิ่มเติมกับ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ สอศ.ได้เปิดเผยผลการให้คะแนนของทุกคนต่อสาธารณชนเพื่อแสดงถึงความโปร่งใสตามที่ สอศ.ประกาศต่อสาธารณะ ประธานอาชีวะบอกอย่างนั้น.