ผู้สืบทอดจากต้นตระกูลพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ
ในวงการพระเครื่องและพระศิลป์ไทย มีนามหนึ่งที่เป็นที่รู้จักและยกย่องอย่างกว้างขวาง นั่นคือ คุณสุรพันธ์ อติชาตินันท์ หรือที่ผู้คนต่างเรียกขานด้วยความเคารพว่า “อ.แดงพัฒนช่าง” ท่านคือบุคคลสำคัญผู้สืบทอดงานช่างหลวงอันทรงคุณค่า เป็นเสมือนสะพานเชื่อมโยงความรู้และฝีมืออันประณีตจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ต้นกำเนิดแห่งมรดกช่างหลวง
สุรพันธ์ อติชาตินันท์ เป็นบุตรคนที่ 8 ของนายสุรพล อติชาตินันท์ และนางแร่ม พัฒนางกูร สายตระกูลของอาจารย์แดงไม่ใช่ตระกูลธรรมดา แต่เป็นสายเลือดช่างหลวงที่สืบทอดวิชามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยมี พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ซึ่งดำรงตำแหน่งอธิบดีบัญชาการช่างสิบหมู่และผู้กำกับช่างหล่อหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 และ เจริญ พัฒนางกูร ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ และเป็นปู่ทวดของอาจารย์แดง ได้สืบทอดและถ่ายทอดวิชาช่างจากปู่มายังอาจารย์แดง ทำให้ท่านเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะชั้นสูงและงานฝีมืออันวิจิตรบรรจง
ความโดดเด่นของตระกูลช่างนี้คือความเชี่ยวชาญในงานช่างที่อยู่ในวังทั้งหมด ผลงานของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการตั้งแต่รัชกาลที่ 3, 4 และ 5 ล้วนเป็น พระศิลป์สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพระรัตนศิลป์ยุคศิลป์, พระทรงเครื่อง, หรือพระปางต่าง ๆ งานเหล่านี้ล้วนต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและความประณีตในทุกขั้นตอน สะท้อนถึงฝีมืออันไร้ที่ติของช่างหลวงในอดีต
ความท้าทายในการฟื้นฟูงานช่างโบราณ
อาจารย์แดงได้เปิดเผยถึงความยากลำบากในการสร้างสรรค์พระรัตนทรงเครื่องใหญ่ แม้จะมีเครื่องมือแม่พิมพ์หินสบู่แล้วก็ตาม การทำชิ้นงานเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เนื่องจากต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลาย ๆ ขั้นตอน เช่น การรู้เรื่อง ลาย และ ขนาดของลาย การ ตีลายด้วยขี้ผึ้ง ให้ได้ความหนาบางที่เหมาะสม การ สลักลาย การ ผูกลาย การ ซ้อนลาย รวมถึงการ วางทางน้ำทอง ที่จะใช้เททองให้เต็มและคมชัด และ ทางลมหนี ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ เมื่อประดับลายจนสวยสดงดงามแล้ว ยังต้องอาศัยความชำนาญในการ เผาหุ่นพระให้ได้ที่ เพื่อเตรียมการเททอง และต้องรู้ว่า ชนิดของทอง ที่จะนำมาเทนั้นต้องเป็นแบบใดเพื่อให้ลายที่ได้ออกมาคมชัดและสวยงามที่สุด ซึ่งวิธีการสร้างพระทรงเครื่องใหญ่ได้ หายไปกับช่างหล่อหลวงในปลายรัชกาลที่ 5 เนื่องจากกรมช่างหล่อหลวงได้ล่มสลายไป อาจารย์แดงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี ในการฟื้นฟูวิธีการสร้างพระทรงเครื่องใหญ่นี้ขึ้นมาใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความอุตสาหะของท่าน
ผลงานชิ้นเอกที่ส่องประกาย
อาจารย์แดงได้เล่าถึง พระพุทธรูปทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิ ที่มีฐานศิลปกรรมของเจ้านครว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นและยากที่สุด ดร.วาลเดมาร์ ซี ไซเลอร์ ผู้ศึกษาเรื่องรอยพระพุทธบาทและพระพุทธรูปโบราณที่มีความเชี่ยวชาญที่สุดในประเทศ ซึ่งได้มาศึกษาศิลปะไทยถึงหนึ่งปีเต็ม ยังได้สรุปว่าศิลปะชุดนี้คือ “ศิลป์ต้นแบบ” (Masterpiece) และเป็นศิลปะของโลก ไม่ใช่เพียงแค่ของไทยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผลงานที่อาจารย์แดงยกให้เป็น ชิ้นเอกที่สุด คือ พระปางปฐม ซึ่งท่านยืนยันว่าไม่มีใครสามารถทำได้เหมือน และอาจารย์แดงเผยว่างานชิ้นนี้ท่านสร้างขึ้นด้วยลำพัง โดยมีลูกมือช่วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเป็นงานที่ต้องเริ่มจากการตีหิน สลัก และประดับอย่างละเอียดอ่อนตั้งแต่เริ่มต้น
กระบวนการสร้างสรรค์อันเป็นเอกลักษณ์
สิ่งที่น่าทึ่งในกระบวนการสร้างสรรค์ของอาจารย์แดงคือ ท่านไม่เคยมีการวาดแบบมาก่อนในการสร้างสรรค์ผลงานแต่ละชิ้น แต่จะใช้การ “ปั้น” ขึ้นรูปโดยตรงจากจินตนาการและประสบการณ์ ที่สั่งสมมา ไม่ว่าจะเป็นงานที่ซับซ้อนแค่ไหน ทุกชิ้นล้วนเกิดจากการปั้นจากหัวและถ่ายทอดออกมาอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของท่าน
นอกจากนี้ โลหะที่ใช้ในการหล่อพระศิลป์ต่าง ๆ ยังมีความพิเศษเฉพาะ เนื่องจากเป็น โลหะที่สะสมไว้นานแล้ว ซึ่งมีเนื้อโลหะที่แตกต่างและดีกว่าโลหะที่ใช้ทั่วไปในท้องตลาด ทำให้พระศิลป์ที่สร้างสรรค์โดยอาจารย์แดงมี ความโดดเด่นที่สุดในวงการ การหล่อโลหะชนิดนี้ต้องอาศัยความชำนาญอย่างมากในการผสมผสานเพื่อให้ได้ความสวยงามสูงสุด
ความยากของการสืบทอดวิชาช่างหลวง
แม้จะเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่ 5 แล้ว อาจารย์แดงยังยอมรับว่าการสืบทอดวิชาช่างหลวงนี้เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง ในยุคสมัยใหม่นี้ การถ่ายทอดทำได้ยากกว่าในอดีต เนื่องจากผู้เรียนต้องเข้าใจในทุกกระบวนการอย่างลึกซึ้ง และต้องการความอดทนสูงมาก ท่านเคยมีนักศึกษาจากวิทยาลัยช่างศิลปะกว่า 30 คนมาลองเรียนรู้ แต่ก็ไม่สามารถทนกับความละเอียดและความยากของงานได้นานเกินหนึ่งเดือน เนื่องจากงานช่างไทยต้องการความอดทนและความใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างมาก
มรดกที่อาจารย์แดงปรารถนาให้คงอยู่
แม้จะเห็นถึงความยากลำบากในการสืบทอดวิชาช่างหลวง แต่สิ่งที่อาจารย์แดงปรารถนาคือ ต้องการให้ศิลปะเหล่านี้คงอยู่และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป โดยเฉพาะ หินสบู่ลวดลายรัตนยุคต้นที่ท่านมีอยู่กว่า 160 ชิ้น ซึ่งถือเป็นมรดกอันล้ำค่าของโลก แม้บางชิ้นจะเคยถูกขายออกไป แต่ก็มีหน่วยงานราชการไทยพยายามซื้อกลับมาเก็บรักษาไว้
อาจารย์แดงยังคงยินดีที่จะให้คำแนะนำแก่ผู้ที่สนใจ โดยจะประเมินจากฝีมือและความตั้งใจของผู้เรียน หากมีความสามารถและความพยายาม ก็พร้อมที่จะชี้นำให้พัฒนาต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม งานช่างหลวงนี้ต้องอาศัยการเรียนรู้จากการลงมือทำจริง และการสังเกตความผิดพลาดด้วยตนเอง ซึ่งเป็นวิธีการสอนแบบโบราณที่ให้ความรู้และฝีมืออย่างลึกซึ้งและยั่งยืน