ย้ำกระบวนการเป็นอิสระ โปร่งใส ตรวจสอบได้ หากมีหลักฐานพร้อมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ชนิดไม่ละเว้น
ชมรมผู้บริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ชี้แจงต่อสาธารณชน กรณีมีการเผยแพร่ใบปลิวและแถลงการณ์ในนาม “ชมรม/องค์กร/เพื่อนครู ช.พ.ค.–ช.พ.ส.” ในเขตพื้นที่การศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ กล่าวหาว่าการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัด/กรุงเทพมหานคร มีการเรียกรับเงินเพื่อแลกตำแหน่ง รวมถึงพาดพิงถึงอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูง ผู้บริหารการศึกษา และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจำนวนมาก
นายสมโภชน์ สุทธิปัญญา ที่ปรึกษากฎหมายสมาคมผู้บริการการศึกษา (ประเทศไทย) ระบุว่า ชมรมผู้บริหารการศึกษาเป็นเครือข่ายวิชาชีพ ที่เครือข่ายสมาชิกส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการกล่าวหาเลื่อนลอย ปราศจากข้อมูลและพยานหลักฐานที่ชัดเจน พร้อมยืนยันว่า กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการ สกสค. ดำเนินการตามกรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีความเป็นอิสระ โปร่งใส เป็นธรรม และสามารถตรวจสอบได้ ไม่อาจถูกชี้นำ แทรกแซง หรือกดดันจากฝ่ายใด ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม แถลงการณ์ระบุ ข้อเท็จจริงสำคัญที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนี้
อำนาจการสรรหาเป็นของคณะกรรมการโดยตรง การสรรหาเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา ไม่ใช่ฝ่ายบริหารส่วนกลาง การพยายามกำหนดทิศทาง ผลลัพธ์ หรือสร้างบรรยากาศกดดันต่อคณะกรรมการ ถือเป็นการบ่อนทำลายหลักนิติธรรมและเจตนารมณ์ของกฎหมาย
การร้องเรียนต้องตั้งอยู่บนพยานหลักฐาน การสื่อสารหรือกล่าวหาต่อสาธารณชน จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานรองรับ ข้อกล่าวหาเชิงความรู้สึกหรือประสบการณ์ส่วนบุคคล ไม่อาจใช้แทนข้อเท็จจริงทางกฎหมาย และไม่ควรถูกนำมาใช้เพื่อชี้นำสังคม
ความโปร่งใสเกิดจากกระบวนการตามกฎหมาย มิใช่ข่าวลือหรือข้อมูลที่ผู้เสียผลประโยชน์นำมาเผยแพร่ การปล่อยข้อมูลที่สร้างความคลางแคลงโดยไร้หลักฐาน เป็นการทำลายความเชื่อมั่นขององค์กร มากกว่าการคุ้มครองความยุติธรรม ชมรมผู้บริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย จึงขอประกาศ จุดยืนอย่างชัดเจน คือ ยืนหยัดในความเป็นอิสระของคณะกรรมการสรรหา
สนับสนุนการตรวจสอบตามครรลองกฎหมายเท่านั้น คัดค้านการแทรกแซง ชี้นำ หรือกดดันกระบวนการสรรหาในทุกรูปแบบ
นายสมโภชน์ สุทธิปัญญา กล่าวว่าต่อว่า ตามข้อบังคับและวัตถุประสงค์เดียวกันไม่ได้มีการแสดงออกตามที่ปรากฎแต่อย่างใด การแสดงความเห็นหรือจุดยืนของชมรมฯ จึงเป็นการสะท้อนความห่วงใยต่อระบบการบริหารงานบุคคล และหลักธรรมาภิบาลในภาพรวม มิใช่การกระทำในนามบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือมีใครอยู่เบื้องหลังในการโจมตีครั้งนี้ การชี้แจงของข้าพเจ้าในฐานะ ที่ปรึกษากฎหมายของสมาคมฯ เป็นการให้ความเห็นเชิงหลักการและข้อกฎหมายเพื่อคุ้มครองความเป็นอิสระ ความโปร่งใส และความเป็นธรรมของกระบวนการตามที่กฎหมายบัญญัติ โดยปราศจากการกล่าวหา หรือมุ่งร้ายต่อบุคคลหรือหน่วยงานใด จึงขอให้การสื่อสารต่อสาธารณะตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงของบทบาทและตำแหน่งที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อสังคม
พร้อมกันนี้ ขอย้ำว่าให้ทุกฝ่าย ยุติการสร้างแรงกดดันต่อกระบวนการสรรหา ยุติการสื่อสารที่ทำให้สังคมตัดสินล่วงหน้า และเคารพอำนาจตามกฎหมายของคณะกรรมการสรรหา หากในอนาคตปรากฏพยานหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่ามีการทุจริต ชมรมฯ ยืนยันจะตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดโดยไม่ละเว้น





