“ประชาธิปัตย์”ชูนโยบายขจัดความรุนแรงต่อสตรีในเวทีพรรคการเมืองอาเซียน พร้อมยกร่างแนวทางแก้ปัญหาเฟคนิวส์ออนไลน์มุ่งทำลายนักการเมืองหญิง
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ อดีตรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 6 สมัยของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรค ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคอาเซียนในหัวข้อ”การแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อสตรีและนักการเมืองหญิง“ระหว่างวันที่ 26-28 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
จัดโดยมูลนิธิเวสต์มินสเตอร์เพื่อประชาธิปไตย (Westminster Foundation for Democracy: WFD) ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณะของสหราชอาณาจักรที่มุ่งสนับสนุนประชาธิปไตยทั่วโลก ผ่านความร่วมมือกับพรรคการเมือง รัฐสภา และองค์กรภาคประชาสังคม
โดยนายอลงกรณ์ได้นำเสนอนโยบายการขจัดความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติต่อสตรีรวมทั้งแนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรีเช่นการกำหนดสัดส่วนสตรีในคณะกรรมการบริหารพรรคและในการสมัครรับเลือกตั้งทั้งในระดับชาติและท้องถิ่นตลอดจนการเพิ่มสัดส่วนของสมาชิกสตรีในรัฐสภา“รายงานในปี2023ของสหภาพรัฐสภาระหว่างประเทศ (IPU)2023)ระบุว่าสัดส่วนสมาชิกสตรีในรัฐสภาของไทยอยู่ในอันดับที่ 121 ของโลก และอันดับที่ 7 ในอาเซียนซึ่งเป็นอันดับต่ำมากในเชิงจำนวนของสมาชิกรัฐสภาสตรี จำเป็นที่จะต้องสนับสนุนให้สตรีผ่านการเลือกตั้งเข้ามาในรัฐสภามากขึ้นโดยขจัดอุปสรรคและปัญหาที่มีผลต่อการกีดกันการเลือกปฏิบัติหรือใช้ความรุนแรงในรูปแบบ“
นายอลงกรณ์ได้ยกตัวอย่างรายงานวิจัยล่าสุดมิถุนายน 2025 ของ Cofact Thailand และ Neo Momentum ระบุว่า ปริมาณของข้อมูลบิดเบือน (malinformation)และคำพูดที่แสดงความเกลียดชัง (hate speech)มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) และ Facebook เนื้อหาเฟคนิวส์เหล่านี้มุ่งเป้าไปที่นักการเมืองหญิงและพรรคการเมืองที่มีจุดยืนก้าวหน้า ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความมั่นใจของผู้หญิงในการมีส่วนร่วมทางการเมือง
– 31.7% เป็นการทำลายชื่อเสียง
– 20.7% เป็นการดูหมิ่นและลดคุณค่าทางสังคม
– 16.4% เป็นการโจมตีด้วยเรื่องเพศ
– 13.3% เป็นการล้อเลียนผ่านวิดีโอตัดต่อ หรือคำนินทาในโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องกรณีเช่นนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการใช้ความรุนแรงต่อนักการเมืองหญิงผ่านโลกโซเชียลในปัจจุบันซึ่งพรรคประชาธิปัตย์กังวลต่อแนวโน้มในเรื่องนี้อย่างยิ่งและกำลังยกร่างแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้
รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายที่ชัดเจนและมีจุดยืนที่มั่นคงภายใต้กรอบพันธกรณีที่ประเทศไทยมีต่ออนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW : Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination Against Women และ แพลตฟอร์มเพื่อการปฏิบัติแห่งปักกิ่ง(Beijing Platform for Action) ซึ่งรับรองในการประชุมโลกว่าด้วยสตรี ครั้งที่ 4 เมื่อปี 1995 ในการต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบต่อสตรี ทั้งในเชิงนโยบายและการปฏิบัติจริง
1. การกำหนดเป็นวาระแห่งชาติและการปฏิรูปกฎหมาย
2. การปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพเช่นพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน , พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ,พระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น,พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์,แก้ไขพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี โดยไม่ลงโทษผู้ขายบริการ แต่ให้ลงโทษผู้ซื้อบริการแทน,แก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ให้สอดคล้องกับหลักการสากล
3. การสร้างกลไกป้องกันและช่วยเหลือในระดับพื้นที่ เช่นการจัดตั้งศูนย์ป้องกันความรุนแรงระดับท้องถิ่นเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันเหตุรุนแรง
4. ส่งเสริมการศึกษาและสร้างความตระหนักรู้ เช่น ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาเพศศึกษาอย่างครอบคลุม เพื่อปลูกฝังเยาวชนให้มีทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศและเคารพศักดิ์ศรีของผู้อื่น
5. ส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรี เช่น กำหนดสัดส่วนสำหรับสตรีในการสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นและในคณะกรรมการบริหารของพรรค
รวมทั้งการจัดทำงบประมาณโดยคำนึงถึงความต้องการที่แตกต่างตามเพศภาวะ (Gender Responsive Budgeting)
6. ความร่วมมือกับภาคประชาสังคมและเครือข่าย
พรรคประชาธิปัตย์เน้นการทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมและเครือข่ายที่ทำงานด้านสตรีและความเท่าเทียมมาอย่างยาวนาน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและสร้างแนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน
7. วิสัยทัศน์สากลและความหลากหลายทางเพศ
พรรคไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับความรุนแรงต่อสตรี แต่ยังสนับสนุนความหลากหลายทางเพศและความเท่าเทียมอย่างจริงใจ โดยมีส่วนร่วมในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม ซึ่งปัจจุบันผ่านการเห็นชอบและประกาศใช้แล้ว นโยบายนี้สะท้อนความตั้งใจที่จะสร้างสังคมที่ยอมรับความหลากหลายและปกป้องสิทธิของทุกคน
“นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ในการต่อต้านความรุนแรงต่อสตรีมีความครอบคลุม ทั้งในด้านการป้องกัน การคุ้มครองทางกฎหมาย และการส่งเสริมศักยภาพของสตรีโดยหวังว่าจะเพิ่มจำนวนนักการเมืองสตรีในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์เน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนและบูรณาการทุกระดับ ตั้งแต่ระดับชาติลงสู่ชุมชน เพื่อสร้างสังคมที่ไม่มีความรุนแรงและเท่าเทียมสำหรับทุกคน.”