บลูมเบิร์กรายงาน กองทัพไทยขยับกรอบการรบจากปะทะกัมพูชา สู่ปฏิบัติการตัดรากเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์–คาสิโนสแกม หวังผนึกแนวร่วมมหาอำนาจ ปิดช่องโหว่อาชญากรรมโลก
สื่อมวลชนระดับโลกเริ่มขยับมุมมองต่อสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยรายงานว่า กองทัพไทยได้ปรับกรอบการสื่อสารและปฏิบัติการทางทหาร จากความขัดแย้งระหว่างรัฐ สู่ “สงครามกับเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ” ซึ่งมีฐานปฏิบัติการแฝงอยู่ในพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ปฏิบัติการดังกล่าวถูกอธิบายโดยฝ่ายไทยว่าเป็นการจัดการกับ “ระบบนิเวศอาชญากรรมไซเบอร์” ที่สร้างความเสียหายระดับโลก ผ่านกลโกงคอลเซ็นเตอร์และการหลอกลงทุนรูปแบบ “pig-butchering” คิดเป็นมูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงานระบุว่า ไทยกำลังดึงสองวิกฤตใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มาบรรจบกัน ได้แก่
- ความขัดแย้งทางทหารตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย และประชาชนพลัดถิ่นเกือบครึ่งล้านคน
- การขยายตัวของเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ ที่มีฐานอยู่ในกัมพูชา ลาว และเมียนมา
บลูมเบิร์กอ้างถ้อยแถลงของกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชายแดน 4 จาก 7 จังหวัด ระบุว่า เป้าหมายบางส่วนของปฏิบัติการทางทหารในเดือนธันวาคม มุ่งทำลาย “เขตล้อมรั้วสแกม” ที่ถูกใช้เป็นทั้งฐานอาชญากรรมและโครงสร้างสนับสนุนทางทหาร
“ไทยกำลังตัดสายเลี้ยงชีพด้านลอจิสติกส์และปฏิบัติการ รวมถึงรื้อถอนโครงสร้างที่สนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ ศัตรูที่แท้จริงคือเครือข่ายอาชญากรรมและอำนาจที่ค้ำจุนผลประโยชน์ผิดกฎหมายผ่านความรุนแรง”
กองทัพไทยยืนยันว่า ได้ทำลายเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์อย่างน้อย 6 แห่ง ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นคาสิโน โดยในจำนวนนี้มี 2 แห่งที่เคยถูกสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรมาแล้ว
รายงานระบุว่า นับตั้งแต่ความตึงเครียดปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม กองทัพอากาศไทยได้ใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 และ Gripen โจมตีอาคารและโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นทั้งคลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการโดรน และฐานทหารที่แฝงตัวในคาสิโนร้าง
ขณะที่กัมพูชากล่าวหาไทยทิ้งระเบิดในพื้นที่ปอยเปต กองทัพไทยยืนยันว่า ทุกเป้าหมายผ่านการตรวจสอบแล้วว่าเป็นเป้าหมายทางทหาร มิใช่การโจมตีพลเรือนหรือธุรกิจโดยตรง
บลูมเบิร์กระบุว่า การรีเฟรมของไทยช่วยเปิดพื้นที่ทางการทูตกับทั้งวอชิงตันและปักกิ่ง ซึ่งต่างผลักดันประเทศในภูมิภาคให้เร่งปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยแสดงบทบาทกดดันให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิง แต่ถ้อยแถลงของฝ่ายไทยในสัปดาห์นี้ ถูกมองว่า สหรัฐฯเลือกใช้ท่าที “เตือนอย่างนุ่มนวล” มากกว่าคัดค้านอย่างจริงจัง
ขณะเดียวกัน จีนซึ่งนำโดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แสดงจุดยืนสนับสนุนการปราบเครือข่ายสแกมเมอร์อย่างชัดเจน แม้จะส่งทูตพิเศษมาเป็นคนกลางคลี่คลายความตึงเครียดทางทหารก็ตาม
บลูมเบิร์กสรุปว่า ไทยกำลังใช้สงครามข้อมูลและการจัดกรอบความหมาย (framing) เพื่อเปลี่ยนภาพจากคู่ขัดแย้งชายแดน เป็น “แนวหน้าของการปราบอาชญากรรมไซเบอร์โลก” ซึ่งสอดรับกับผลประโยชน์ของมหาอำนาจ และช่วยลดแรงกดดันทางการทูตในระยะสั้น
ท่ามกลางคำถามจากประชาคมโลก การขยับเกมครั้งนี้อาจไม่ใช่เพียงการรบในสนาม แต่คือ การรบเพื่อความชอบธรรมบนเวทีระหว่างประเทศ ว่าไทยกำลังยิงใส่ “ประเทศเพื่อนบ้าน” หรือกำลังยิงใส่ “ศัตรูร่วมของโลก”





