ปมผู้ว่าฯ ราชบุรี ตั้งกรรมการสอบ กรณีไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีท่าผา ทั้งที่ป.ป.ช.ชี้มูลทุจริตและศาลอาญาทุจริตประทับรับฟ้องและมีคำพิพากษาจำคุก นายทรงยศ อรัญยกานนท์ แล้ว เสี่ยงงบโมฆะ !
การบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นในจังหวัดราชบุรี กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มข้น หลังปรากฏกรณี นายทรงยศ อรัญยกานนท์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองท่าผา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งถูก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญา และถูกฟ้องต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จนศาลมีคำพิพากษา จำคุก เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 (คดีหมายเลขแดงที่ 48/2568)
แม้คดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์และยังไม่ถึงที่สุด แต่ข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ
ศาลมีคำพิพากษาแล้ว และ ป.ป.ช. ชี้มูลแล้ว
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการกิจการศาลฯสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าวในการประชุมครั้งที่ 63 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 และมีมติชัดเจน ให้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และ จังหวัดราชบุรี ดำเนินการตาม
พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 63 และมาตรา 81
พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยเฉพาะประเด็น การหยุดปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารท้องถิ่น
ผู้ว่าฯ ใช้อำนาจ “ตั้งกรรมการสอบ” แต่ไม่ “หยุดปฏิบัติหน้าที่”
จังหวัดราชบุรีได้ออก คำสั่งที่ 4506/2568 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2568
แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณี นายกเทศมนตรีไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่มีคำพิพากษาศาลแล้ว
คำสั่งดังกล่าวอาศัยอำนาจตาม
มาตรา 73 พ.ร.บ.เทศบาล
กฎกระทรวงการสอบสวนผู้ดำรงตำแหน่งบางตำแหน่งในเทศบาล พ.ศ.2563
แนวทางปฏิบัติของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
โดยกำหนดให้สอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน แต่ปรากฏว่า
นับถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการสอบสวนเกิดขึ้นจริง
ซ้ำรอยความล่าช้า เปลี่ยนคณะกรรมการอีก ต่อมา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 จังหวัดราชบุรีมีคำสั่ง แก้ไขคำสั่งเดิม โดยเปลี่ยนตัวคณะกรรมการสอบสวน อ้างเหตุผลเรื่องการโยกย้ายตำแหน่งและการใช้ “ชื่อตัวบุคคลเป็นสำคัญ”
ผลคือ กระบวนการสอบสวน ยืดเยื้อ
ระยะเวลาการใช้อำนาจทางปกครอง ถูกถ่วงออกไป
ขณะที่ นายกเทศมนตรีต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่อง รอคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
ลงนามงบประมาณปี 2569 เสี่ยงโมฆะ?
ข้อมูลจากหนังสือเทศบาลเมืองท่าผา ที่ รบ 53105/1280 ลงวันที่ 23 กันยายน 2568 ยืนยันว่า นายกเทศมนตรี ได้ลงนามเอกสารราชการหลายฉบับ
ลงนามงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569
ส่งเรื่องให้จังหวัดราชบุรีเรียบร้อย
คำถามสำคัญจึงเกิดขึ้นทันทีว่า
หากศาลอุทธรณ์พิพากษายืน หรือมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งย้อนหลัง
การกระทำทางงบประมาณเหล่านี้จะ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
หรือสุ่มเสี่ยงเป็น โมฆะ และเปิดช่องความรับผิดทางกฎหมายเพิ่มเติม
ที่สังคมสงสัยและต้องการคำตอบ
เมื่อมีคำพิพากษาศาลแล้ว เหตุใดผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่ใช้อำนาจสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
การตั้ง “คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง” เป็นการใช้ดุลพินิจตามกฎหมาย ที่ต้อง ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพราะมีกรณีตัวอย่างผู้บริหารท้องถิ่นอื่นในกรณีคล้ายกันมาแล้วซึ่งคณะกรรมการสอบสวนคงพิจารณาเป็นอย่างอื่นไม่ได้
ใคร? จะรับผิดชอบ หากงบประมาณท้องถิ่นปี 2569 เกิดปัญหาความไม่ชอบด้วยกฎหมายในอนาคต
กรณีนี้ไม่ใช่เพียงข้อพิพาทตัวบุคคล แต่คือ บททดสอบความจริงใจของรัฐในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้มีอำนาจท้องถิ่น
เมื่อ
ศาลพิพากษาแล้ว
ป.ป.ช. ชี้มูลแล้ว
กมธ. กิจการศาล สภาฯ มีมติแล้ว
สุดท้ายจึงไม่ใช่
ผิดหรือไม่ผิด
แต่คือ > กฎหมายยังศักดิ์สิทธิ์เท่ากันทุกคนหรือไม่ ?