ทิศทางการศึกษาของประเทศควรจะมีแนวทางที่ชัดเจนเป็นนโยบายหลักที่ทุกพรรคการเมืองเมื่อเข้ามาบริหารต้องสานต่อ
พูดถึงการศึกษาถ้าผู้นำประเทศตั้งแต่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะต้องมีนโยบายเดียวกันในการที่จะสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาของประเทศ นั้นคือต้องกำหนดเป็นนโยบายการพัฒนาการศึกษาพัฒนากำลังคนของประเทศ และมีกรอบเวลาการทำงานที่ชัดเจนจึงจะทำให้การขับเคลื่อนของประเทศด้านคุณภาพการศึกษาเกิดได้และมีแนวทางที่ชัดเจน วันนี้คงคุยประเด็นเฉพาะการศึกษาเท่านั้นก่อน ส่วนข้าราชการในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ ก็ล้วนเป็นผู้มีความรู้ความสามารถกันทุกคน(จบจากเมืองนอก จบดร.เกือบ100%) พูดง่ายๆด้านความรู้ความสามารถของผู้บริหารการศึกษาของประเทศในปัจจุบันนี้ทุกคนไม่ใช่แค่มีความรู้ระดับประเทศและอาจอยู่ในระดับระดับสากล
แต่เหตุใดในการบริหารงานด้านการศึกษาของประเทศจึงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในเพื่อนบ้านในเอเชีย ไม่ต้องไปเทียบในระดับสากล ทำให้ทุกคนมองว่าการศึกษาของประเทศเราตกต่ำทั้งที่ผู้บริหารในกระทรวงศึกษาล้วนเป็นผู้มีองค์ความรู้ไม่ได้กว่าชาติใด จึงทำให้ประชาชนมองว่าการศึกษาพัฒนาไม่ได้เพราะข้าราชการเหล่านั้นตกอยู่ภายใต้การกำกับสั่งการของนักการเมืองถ้าไม่ปฏิบัติหรือสนองนักการเมืองก็อาจจะทำให้กระทบกับตำแหน่งของตนเองจึงได้รับการเปรียบเปรยว่าข้าราชการทุกวันนี้ทำได้แค่สนองนักการเมือง “..ดีครับนายได้ครับผมเหมาะสมกับท่าน…” ขอแค่รักษาเก้าอี้ตนเองดำรงอยู่ ในเรื่องนี้ทุกคนก็ทราบดีว่าถ้าใครขัดใจนักการเมืองโอกาสที่จะหลุดจากเก้าอี้ก็สูงเช่นกัน แล้วลองมาคิดดูคุณภาพหรือการพัฒนาการศึกษาจะเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะผู้บริหารระดับสูงไม่สามารถที่จะดำเนินการด้วยแนวคิดของตัวเองได้ต้องรอฟังนโยบายของนักการเมืองหรือของรัฐบาลสั่งเท่านั้นดั่งที่เห็นๆกันอยู่รึใครจะเถียง!! นี่คือการบริหารการศึกษาของประเทศในอดีตและปัจจุบันหากไม่ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ก็อย่าหวังเลยว่าการศึกษาของประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาได้
ด้านนายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรี ประธานเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย(ค.ร.อ.ท.)ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้คือถ้าประเทศไทยเราได้นักการการเมืองที่เป็นนักการศึกษามาบริหารกระทรวงจะทำให้เข้าใจและมองเห็นลู่ทางในการสร้างความเปลี่ยนแปลงการศึกษาให้ก้าวทันต่างประเทศที่เจริญและพัฒนาได้หรืออย่างน้อยก็สร้างความเป็นประเทศแห่งผู้นำทางการศึกษาในเอเชียได้และอีกประเด็นก็คือข้าราชการระดับสูงจะต้องกล้าพอที่จะนำเสนอแนวคิดประเด็นการสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาของประเทศเพื่อประชาชนที่แท้จริงได้อย่างไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเท่าเทียมทางการศึกษาของเยาวชนของประเทศที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบันนี้ที่รอการแก้ไขเพื่อนำเสนอให้กับนักการเมืองที่จะมาบริหารกระทรวง ศธ. ต้องอย่าลืมว่านักการเมืองที่มาบริหารกระทรวงนั้นมาเร็วไปเร็วที่ผ่านมานักการเมืองแต่ละคนที่มาบริหารกระทรวงศธ.ก็จะมากำหนดนโยบายของพรรคตัวเองหรือของตัวเองให้เป็นนโยบายเพื่อเป็นผลงานสร้างภาพ จึงทำให้การศึกษาไม่สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องพูดง่ายๆ ก็คือในภาพรวมของวิวัฒนาการด้านการศึกษามันต้องมีความชัดเจนไม่ใช่ข้าราชการระดับสูงทำได้แค่บริหารเพื่อสนองนโยบายนักการเมือง จัดการศึกษาเพื่อสนองนโยบายแค่นักการเมืองเท่านั้นแล้วประชาชนประเทศชาติจะได้รับการพัฒนา ประชากรของประเทศของประเทศเราจะเท่าทันกับนานาชาติได้อย่างไร