พรรคเศรษฐกิจแถลงการณ์
เรื่อง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องมาตามรัฐธรรมนูญ และนักการเมืองไทยต้องยึดผลประโยชน์ชาติเป็นที่หนึ่ง
วันที่ 29 สิงหาคม 2568 ณ ที่ทำการพรรคเศรษฐกิจ
วันนี้ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคือหลักฐานชัดเจนว่า ประเทศไทยยังคงมีภูมิคุ้มกันที่ปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ และคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง พรรคเศรษฐกิจเห็นว่าคำวินิจฉัยนี้เป็นชัยชนะของประชาชนชาวไทยทุกคน มิใช่ชัยชนะของฝ่ายการเมืองใดฝ่ายหนึ่ง
ประชาชนไทยส่วนใหญ่ได้พิพากษาอดีตนายกรัฐมนตรี นางแพรทองธาร ชินวัตร ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่คลิปสนทนากับสมเด็จฮุนเซ็นถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ แต่เมื่อเจ้าตัวยังยึดมั่นในตำแหน่งและไม่ยอมลาออก ศาลจึงต้องลุกขึ้นทำหน้าที่แทนประชาชน เพื่อรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศชาติเอาไว้
วันนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ วันนี้เป็นวันที่ประเทศไทยจะไม่ยอมให้ผู้นำคนใดนำผลประโยชน์ส่วนตัวมาอยู่เหนือผลประโยชน์ของชาติอีกต่อไป มาตรฐานของผู้นำรัฐบาลไทยจะต้องสูงส่ง ต้องเป็นผู้นำที่ยืนหยัดเพื่อแผ่นดินไทย ไม่ใช่เพื่อครอบครัวตนเอง ไม่ใช่เพื่อเครือข่ายผลประโยชน์ พรรคเศรษฐกิจขอย้ำว่า “ชาติไทยต้องมาก่อนเสมอ”
พรรคเศรษฐกิจเชื่อมั่นว่า หลักการนี้ไม่ใช่เพียงถ้อยคำในตำรา แต่เป็นสัจธรรมที่นักการเมืองทุกคนต้องสลักไว้ในใจ ใครที่เห็นแก่ตัว ย่อมทรยศต่อแผ่นดิน ใครที่เห็นแก่ชาติ ย่อมได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้บริหารประเทศของเขา
สำหรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พรรคเศรษฐกิจขอเรียกร้องอย่างหนักแน่นว่า นายกฯต้องมาจากกลไกรัฐธรรมนูญเท่านั้น และต้องเป็นผู้ที่มีหัวใจรักชาติ มีความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์ และพร้อมปกป้องประเทศชาติในภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะสงครามไทย-กัมพูชาในปัจจุบัน
ประเทศไทยกำลังเผชิญบททดสอบครั้งใหญ่ และนี่คือเวลาที่คนไทยทุกคนต้องยืนหยัดร่วมกัน ใต้ธงไตรรงค์เดียวกัน เพื่อรักษาเอกราช อธิปไตย และศักดิ์ศรีของชาติเอาไว้ให้ลูกหลาน
พรรคเศรษฐกิจขอยืนยันว่า พรรคจะยืนอยู่ข้างชาติ ข้างประชาชน และจะไม่ยอมให้ใครขายชาติ ไม่ว่าจะเป็นด้วยผลประโยชน์หรืออำนาจใดๆ ก็ตาม
ชาติไทยต้องมาก่อน
คนไทยต้องมาก่อน
ผลประโยชน์ของประชาชนต้องมาก่อนทุกสิ่ง
พรรคเศรษฐกิจ
29 สิงหาคม 2568