back to top
27.3 C
Samut Prakan
Monday, October 27, 2025
spot_img

ข่าวใหม่ล่าสุด

spot_img

Daily Times Online ศึก“แร่หายาก”สหรัฐ-จีนในสมรภูมิอาเซียน:โอกาสใหม่ของไทยผู้ผลิตRare Earthอันดับ6ของโลก

ศึก“แร่หายาก”สหรัฐ-จีนในสมรภูมิอาเซียน:โอกาสใหม่ของไทยผู้ผลิตRare Earthอันดับ6ของโลก

โดย นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ. ไทยแลนด์(Fields for Knowledge Integration and Innovation) อดีตประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

“….การแข่งขันแร่หายากในอาเซียนเพิ่งเริ่มต้น และจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ประเทศที่สามารถพัฒนาศักยภาพทางการผลิต การแปรรูป และนวัตกรรมได้เร็วที่สุด จะได้เปรียบในเกมการแข่งขันเศรษฐกิจโลกยุคใหม่โดยเฉพาะไทย ผู้ผลิตแร่หายากอันดับ6 ของโลก…”อลงกรณ์ พลบุตร

ในยุคที่เทคโนโลยี เศรษฐกิจและความมั่นคงเดินควบคู่กัน “แร่หายาก” (Rare Earths)ได้กลายเป็นอาวุธที่สำคัญในเกมของมหาอำนาจโดยมีสมรภูมิใหม่คืออาเซียน

สถานการณ์ล่าสุดคือการลงนามข้อตกลงการค้าและแร่หายากระหว่างสหรัฐอเมริกากับ 4 ชาติอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งคือหมากสำคัญที่อาจเปลี่ยนเกมการแข่งขันทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

จุดเปลี่ยนของอาเซียน: เมื่อสหรัฐฯรุกกลับ

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจกลับมาปะทุอีกครั้ง หลังจากจีนประกาศใช้มาตรการใหม่อย่างครอบคลุมเพื่อจำกัดการส่งออกแร่หายาก โดยกำหนดให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการส่งออกสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่เหล่านี้แม้เพียงเล็กน้อย ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนล่วงหน้า และต้องระบุวัตถุประสงค์การใช้งานอย่างชัดเจน ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ทันทีด้วยการขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มอีก 100% และเตรียมออกข้อจำกัดใหม่ต่อการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญบางประเภท เพื่อปกป้องเศรษฐกิจเทคโนโลยีของตนเอง

การลงนามข้อตกลงกับ 4 ชาติอาเซียนในครั้งนี้ คือการปฏิบัติการเชิงรุกโดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

1. กระจายความเสี่ยง เพื่อลดการพึ่งพาแร่หายากจากจีน

2. สร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ เพื่อพัฒนาเครือข่ายการผลิตและแปรรูปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับกลุ่มประเทศอาเซียน

3. เสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ผ่านกรอบข้อตกลงการค้าต่างตอบแทน

โดยเฉพาะอาเซียนกลายเป็นเป้าหมายหลักของสหรัฐฯในการพัฒนาพันธมิตรทางยุทธศาสตร์

จีนรุกก่อน: ความร่วมมือมาเลเซียโรงสกัดแร่หายากแห่งใหม่

ข้อมูลจาก U.S. Geological Survey 2025 ชี้ให้เห็นถึงความได้เปรียบอย่างยิ่งของจีนในตลาดแร่หายากโลก โดยจีนควบคุม 71% ของการผลิตแร่หายากทั่วโลก และครองส่วนแบ่งสูงถึง 86% ของการแปรรูปแร่หายาก ซึ่งปัจจุบัน แร่หายากจัดเป็นหมวดแร่ธาตุยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ซึ่งจำเป็นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงานหมุนเวียน จนถึงเทคโนโลยีขั้นสูงเช่น หลอดไฟ หน้าจอโทรทัศน์ที่ใช้ยูโรเปียมเป็นส่วนประกอบ และการขัดกระจกหรือกลั่นน้ำมันที่ใช้ซีเรียมและอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงทางยุทธวิธีเช่นขีปนาวุธนำวิถีและระบบอาวุธต่างๆ

ความได้เปรียบของจีนถูกแปลงเป็นอำนาจต่อรองผ่านมาตรการจำกัดการส่งออก โดยในเดือนกรกฎาคม 2023 จีนประกาศควบคุมการส่งออกแกลเลียมและเจอร์เมเนียม ซึ่งส่งผลกระทบถึง 94% ของอุปทานโลก

กล่าวได้ว่าจีนคือผู้เล่นที่ถือไพ่เหนือกว่า เพราะเป็นทั้งผู้ผลิตรายใหญ่และประเทศที่มีทรัพยากรแร่หายากมากที่สุดในโลก

ในขณะที่สหรัฐฯ เพิ่งเริ่มสร้างพันธมิตรในอาเซียน

จีนเดินหน้าก่อนหนึ่งก้าวด้วยการลงนามความร่วมมือสำคัญกับมาเลเซีย เพื่อสร้างโรงงานแปรรูปแร่หายากแห่งใหม่ในรัฐปะหัง ประเทศมาเลเซียมูลค่าการลงทุนประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐมีกำลังการผลิตสามารถแปรรูปแร่หายากได้ 5,000 ตันต่อปีด้วยเทคโนโลยีนำเข้าจากจีนโดยบริษัท China Nonferrous Metal Mining Groupคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตได้ในปี 2027

โอกาสของอาเซียน: จากการเป็น “ผู้ตาม” สู่ “ผู้เล่นหลัก”

อาเซียนไม่เพียงเป็นสนามแข่งขันใหม่ของมหาอำนาจเท่านั้นแต่กำลังก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นหลักในห่วงโซ่อุปทานโลก

1.มาเลเซียกำลังพัฒนาตนเองเป็นศูนย์กลางแร่หายากของภูมิภาค

2.เวียดนามมีศักยภาพเป็นฐานผลิตแร่หายากแทนจีน

3.อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ อุดมด้วยทรัพยากรแร่และกำลังแรงงาน

4.ไทย ผู้ผลิตแร่หายากอันดับ6 ของโลกและเติบโตเร็วที่สุดในโลกสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปและเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์

ทั้งนี้ทำเนียบข่าวเผยแพร่เอกสารบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลไทยว่าด้วยความร่วมมือในการกระจายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุนบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยว่าด้วยความร่วมมือในการกระจายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้ การแปรรูปในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

โครงการแร่หายากในประเทศไทย: ศักยภาพและความคืบหน้า

เมื่อ“แร่หายาก”กลายเป็นเครื่องมือต่อรองทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ แต่สิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้คือ ประเทศไทยก็มีแร่หายาก และเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานโลกในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ6 ของโลกโดยผลิตได้ 13,000 ตันในปี2024เพิ่มขึ้นกว่า 260% จากปีก่อนหน้าและมากกว่า 13 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2018

ถือเป็นการเติบโตที่ “เร็วที่สุดในโลก” ในกลุ่มประเทศผู้ผลิตแร่หายากโดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกและภาคใต้

1. โครงการในจังหวัดนครราชสีมาโรงงานNeo Magnequenchที่นครราชสีมาผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับอุตสาหกรรม EV และอิเล็กทรอนิกส์

ซึ่ฝBYD (จีน) ลงทุนโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามูลค่า 486 ล้านดอลลาร์ในไทย เพื่อเชื่อมโยงซัพพลายเชนแร่หายากและแม่เหล็ก

2.โครงการในจังหวัดกาญจนบุรี

บริษัท Lynas Rare Earths จากออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่หายากนอกประเทศจีนรายใหญ่ที่สุด กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานแปรรูปแร่หายากในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ การศึกษาครอบคลุมทั้งด้านเทคนิค เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้พื้นที่อำเภอทองผาภูมิมีการค้นพบแหล่งแร่โมนาไซต์ (Monazite) ซึ่งมีธาตุหายากกลุ่ม LREE (Light Rare Earth Elements) ที่มีค่าสูง เช่น แลนทานัม (Lanthanum) เซอเรียม (Cerium) และนีโอดิเมียม (Neodymium) ซึ่งเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง

จากการศึกษาของกรมทรัพยากรธรณี คาดว่ามีปริมาณสำรองเบื้องต้นประมาณ 50,000 ตัน โดยมีเป้าหมายเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2028

3.โครงการในจังหวัดภูเก็ตและพังงา

การสำรวจของกรมทรัพยากรธรณีพบแร่เซอไรต์ (Xenotime) และเซนอไทต์ (Synchysite) ในพื้นที่อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต มีธาตุหายากกลุ่ม HREE (Heavy Rare Earth Elements) ที่มีมูลค่าสูง เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) เทอร์เบียม (Terbium) และเออร์เบียม (Erbium)

โดยบริษัท Thaisarco ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการถลุงแร่ดีบุก กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการแยกแร่โคลัมเบต-แทนทาไลท์ (Columbite-Tantalite) ที่มีธาตุหายากปนอยู่ โดยใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแยกแร่

4.โครงการวิจัยและพัฒนา

กรมทรัพยากรธรณีกำลังดำเนินการทำแผนที่แหล่งแร่หายากทั่วประเทศอย่างละเอียด โดยใช้เทคโนโลยีการสำรวจระยะไกล (Remote Sensing) และการวิเคราะห์ทางธรณีฟิสิกส์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2026

ขณะที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิจัยกระบวนการแยกแร่หายากด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยพัฒนาระบบรีไซเคิลสารเคมีและลดของเสียจากการผลิต ผลการศึกษาคาดว่าจะเผยแพร่ภายในไตรมาสแรกของปี 2026

สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรมแร่หายากถือเป็นโอกาสในการยกระดับอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องเตรียมพร้อมความพร้อมได้แก่

1.การพัฒนาบุคลากร

ต้องเร่งพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม

2.การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแปรรูปแร่หายาก

3.การจัดการสิ่งแวดล้อม

กระบวนการแปรรูปแร่หายากต้องได้มาตรฐานสากล

4.การรักษาสมดุลทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ และจีน

อนาคตที่ต้องจับตา

การแข่งขันแร่หายากในอาเซียนเพิ่งเริ่มต้น และจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ประเทศที่สามารถพัฒนาศักยภาพทางการผลิต การแปรรูป และนวัตกรรมได้เร็วที่สุด จะได้เปรียบในเกมการแข่งขันเศรษฐกิจโลกยุคใหม่

สำหรับประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตแร่หายากอันดับ6 ของโลกไม่ใช่แค่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่เป็นโอกาสในการกำหนดแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่เพื่ออัพเกรดสู่บทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน(Global Supply Chain)แร่หายากของโลก

ดังนั้นการเตรียมความพร้อมและวางยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ชัดเจนรวมทั้งการขับเคลื่อนความร่วมมือกับทั้งจีนและสหรัฐอย่างสมดุลจะเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จในเกมใหญ่เกมนี้ของเรา.

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

1. U.S. Geological Survey (2025). Mineral Commodity Summaries: Rare Earths

2. Reuters (26 ตุลาคม 2025). “U.S. signs trade and critical minerals pacts with four ASEAN nations”

3. Department of Mineral Resources Thailand (2025). “รายงานการศึกษาศักยภาพแร่หายากในประเทศไทย”

4. Lynas Rare Earths (2025). “Thailand Project Feasibility Study Report”

5. Thaisarco (2025). “การศึกษาความเป็นไปได้การแยกแร่หายากจากแร่โคลัมเบต-แทนทาเลต”

6. King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang (2025). “งานวิจัยกระบวนการแยกแร่หายากอย่างยั่งยืน”

6. China Nonferrous Metal Mining Group 2025“ข้อมูลโครงการมาเลเซีย”

หมายเหตุ:

แร่ธาตุหายาก” (Rare Earths)

แร่หายากเป็นกลุ่มของโลหะหนัก 17 ชนิด ประกอบด้วยธาตุเคมี ได้แก่ ซีเรียม (cerium), พราเซโอไดเมียม (praseodymium), นีโอไดเมียม (neodymium), โพรมีเทียม (promethium), ซามาเรียม (samarium), ยูโรเปียม (europium), แกโดลิเนียม (gadolinium), เทอร์เบียม (terbium), ดิสโพรเซียม (dysprosium), โฮลเมียม (holmium), เออร์เบียม (erbium), ทูเลียม (thulium), อิตเทอร์เบียม (ytterbium), ลูทีเทียม (lutetium) และแลนทานัม (lanthanum) ซึ่งเป็นธาตุต้นแบบของกลุ่ม รวมถึงสแกนเดียม (scandium) และอิตเทรียม (yttrium) ทั้งหมดนี้เรียกรวมกันว่า “แร่แรร์เอิร์ธ” หรือ “ธาตุหายาก”

แม้แร่เหล่านี้จะพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ แต่เหตุที่ถูกเรียกว่า “หายาก” มาจากความยากในการสกัดให้ได้ในรูปแบบบริสุทธิ์ โดยมักกระจายตัวปะปนอยู่กับแร่ชนิดอื่นในปริมาณน้อย อีกทั้งกระบวนการสกัดต้องใช้สารเคมีเข้มข้นและก่อให้เกิดของเสียที่เป็นพิษจำนวนมาก จึงทำให้ต้นทุนการผลิตสูงและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ

10 อันดับประเทศผู้ผลิตแร่หายากมากที่สุดในโลก ปี 2024

1.จีน 270,000 ผู้นำเบอร์หนึ่งของโลก ควบคุมตลาดกว่า 70% มีเหมือง Bayan Obo ที่มองโกเลีย

2.สหรัฐอเมริกา 45,000 ผลิตจากเหมือง Mountain Pass (California) ภายใต้บริษัท MP Materials

3.เมียนมา (พม่า) 31,000 แม้มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและกลุ่มติดอาวุธ แต่ยังเป็นแหล่งแร่หนักสำคัญของจีน

4.ออสเตรเลีย 13,000 บ้านของ Lynas Rare Earths เหมือง Mount Weld หนึ่งในแหล่งแร่หายากชั้นนำของโลก

5.ไนจีเรีย 13,000 ดาวรุ่งใหม่ของแอฟริกา เริ่มจับมือฝรั่งเศสพัฒนาเหมืองและโรงแปรรูป

6.ประเทศไทย 13,000 ผลิตพุ่ง 261% ในปีเดียวมีโรงงาน Neo Magnequench ที่โคราช

7.อินเดีย 2,900 มีทรัพยากรชายฝั่งมากแต่ผลิตน้อย เข้าร่วมโครงการ Minerals Security Partnership (MSP)

8.รัสเซีย 2,600 มีแหล่งสำรองใหญ่แต่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ เหมืองหลักคือ Tomtor

9.มาดากัสการ์ 2,000 มีศักยภาพสูงแต่ถูกต่อต้านจากชุมชนท้องถิ่นเรื่องสิ่งแวดล้อม

10.เวียดนาม 300 มีแหล่งแร่ใหญ่ แต่สะดุดเพราะคดีทุจริตในวงการเหมืองปี 2023

เพิ่มเพื่อน Line Official

spot_img

ข่าวใหม่ล่าสุด

ข่าวเด็ด ห้ามพลาด