หยุดเป็นหน่วย “รายงานต่อผู้ว่า” แล้วหันมา “รายงานต่อประชาชน” ให้รู้ก่อนภัยมา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “จังหวัดสมุทรปราการ” กลายเป็นพื้นที่ที่มีเหตุสาธารณภัยเกิดขึ้นแทบทุกประเภท ทั้ง น้ำท่วมฉับพลัน–ไฟไหม้โรงงาน–อุบัติเหตุบนถนนสายหลัก–และเหตุสารเคมีรั่วไหลในนิคมอุตสาหกรรม แต่สิ่งหนึ่งที่ประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามคือ “ ปภ.จังหวัดสมุทรปราการ” ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนั้น แทบไม่เคยออกมาประกาศแจ้งเตือนหรือบริหารจัดการเชิงป้องกันล่วงหน้าอย่างจริงจัง
หลายครั้งที่เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลท้ายบ้านใหม่ บางเมือง บางปู หรือบางพลี พระสมุทร ชาวบ้านกลับได้รับข่าวสารจาก กลุ่มไลน์ชุมชน หรือเพจหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ มากกว่าได้ยินจาก ปภ.จังหวัดโดยตรง ขณะที่บางเหตุ เช่น ไฟไหม้โรงงานในเขตบางเสาธง–บางปลา ก็ต้องรอการยืนยันจากสื่อมวลชนก่อนที่หน่วยงานจะขยับตัวรายงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การสื่อสารและการเตือนภัยของรัฐยังล่าช้ากว่าความเร็วของภัยพิบัติจริง
“ปภ.ศูนย์กลางการประสานข้อมูล” และ “เผยแพร่การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าแก่ประชาชน” แต่ในทางปฏิบัติ กลับกลายเป็นเพียงหน่วย รวบรวมรายงานส่งให้ผู้ว่าฯ หลังภัยเกิดแล้ว มากกว่าจะทำงานเชิงรุก
จากหน่วย “เชิงรับ” ต้องเปลี่ยนเป็น “เชิงรุก” หน้าที่ของ ปภ.จังหวัด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ระบุไว้อย่างชัดว่า ต้องเป็น “ศูนย์กลางการประสานข้อมูล” และ “เผยแพร่การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าแก่ประชาชน” แต่ในทางปฏิบัติ กลับกลายเป็นเพียงหน่วย รวบรวมรายงานส่งให้ผู้ว่าฯ หลังภัยเกิดแล้ว มากกว่าจะทำงานเชิงรุก
วันนี้ถึงเวลาที่ ปภ.สมุทรปราการ จะต้อง ยกระดับบทบาท ด้วยการสร้าง “ระบบสื่อสารเตือนภัยแบบ real-time” ทั้งผ่านเพจจังหวัด เว็บไซต์ และ Line Official ของ ปภ. สื่อต่างๆ เพื่อแจ้งเตือนน้ำท่วม ฝนตกหนัก พายุ หรืออุบัติเหตุรุนแรงให้ประชาชนรู้ล่วงหน้า ไม่ใช่ปล่อยให้ข่าวสารไหลมาทางโซเชียลเพียงอย่างเดียว
ชาวบ้านต้องรู้ก่อน ไม่ใช่รู้ทีหลัง เมื่อภัยเกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ข้อมูลที่เร็วและถูกต้อง” เพราะทุกนาทีคือชีวิตของคนในพื้นที่ หน่วยงานภาครัฐอย่าง ปภ. จึงควรทำงานร่วมกับ อปพร. อสม. ผู้ใหญ่บ้าน และอปท. เพื่อกระจายข่าวสารอย่างมีระบบ สร้างอาสาสมัครเตือนภัยชุมชน และเปิดช่องทางให้ชาวบ้านแจ้งเหตุได้สะดวก
ยิ่งไปกว่านั้น ต้องเป็นศูนย์ข้อมูล 24 ชั่วโมง พร้อมระบบรายงานสถานการณ์แบบออนไลน์ เช่น แผนที่จุดน้ำท่วม จุดอุบัติเหตุ หรือสัญญาณเตือนภัยสารเคมี เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามได้ตลอดเวลา
สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นจาก ปภ.สมุทรปราการ ตั้งแต่ย้ายมา ไม่ใช่ภาพการไปยืนข้างผู้ว่าฯ คอยเสนอหน้า ตอนมอบถุงยังชีพหรือถ่ายภาพประชาสัมพันธ์
แต่คือ ภาพของเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่ก่อนภัยจะมา เตือนภัยก่อนน้ำจะถึง และช่วยเหลือก่อนเหตุจะลุกลาม
เพราะ “ปภ.” ไม่ได้มีหน้าที่แค่บรรเทาภัยหลังเกิดเหตุ แต่มีหน้าที่ “ป้องกันภัยก่อนเกิดเหตุ” และนั่นคือหัวใจของคำว่า “ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย” อย่างแท้จริง
“ถึงเวลาที่ ปภ.สมุทรปราการ ควรเปลี่ยนวิธีทำงาน จากหน่วยที่รายงานต่อผู้ว่าฯ มาเป็นหน่วยที่รายงานต่อประชาชน”
เพราะภัยพิบัติไม่รอใคร และการสื่อสารที่ช้าเพียงไม่กี่อึดใจ อาจหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินที่ไม่อาจเรียกคืนได้ อย่าทำแบบ Routine
รปภ.หน้าหมู่บ้านมีละ





