หากใครติดตามการทำงานของ “วุฒิอาสาธนาคารสมองจังหวัดสมุทรปราการ” มานาน จะรู้ว่านี่คือกลไกหนึ่งที่มักอยู่หลังฉาก แต่กลับขับเคลื่อนงานสำคัญระดับจังหวัดอย่างไม่เป็นทางการมานับสิบปี
การประชุมประจำเดือนครั้งล่าสุดที่ห้องประชุมศรีสมบูรณ์ โรงเรียนสมุทรปราการ อาจเป็นเพียงภาพการสนทนาของกลุ่มผู้ใหญ่บ้านผู้ใหญ่เมือง แต่หัวข้อที่หยิบขึ้นมาพูดคือเรื่องใหญ่ที่ผู้ว่าฯ หลายยุคยังแก้ไม่ตก—การพัฒนา “องค์พระสมุทรเจดีย์” ให้สมศักดิ์ศรีความเป็นสัญลักษณ์เมืองปากน้ำ
ข้อเสนอเร่งด่วนของที่ประชุมคือ ศาลาเอนกประสงค์หลังแรก เพื่อรองรับประชาชนที่เดินทางมากราบสักการะองค์พระ
ฟังเหมือนเรื่องเล็ก แต่จริงคือคำถามใหญ่
ทำไมเมืองที่มีองค์พระเป็นหน้าเป็นตา ไม่มีแม้แต่ที่นั่งพักให้ประชาชน?
นี่ย่อมสะท้อนช่องโหว่ในการบริหารพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ปล่อยให้ “พัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่ได้มองภาพรวม” มาหลายทศวรรษ
ที่น่ายกย่องคือมีผู้มีจิตศรัทธาโอนเงินสมทบกว่า 1.1 ล้านบาท ทันทีในที่ประชุม สิ่งนี้บอกได้ชัดว่า—คนสมุทรปราการพร้อมสนับสนุน ถ้าเห็นความตั้งใจจริง ไม่ใช่โครงการลอยๆ แบบที่เราชินกันในระบบราชการ
วาระสำคัญอีกอย่าง คือการมอบหมายให้ นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ อดีตผู้ว่าฯ ผู้มากประสบการณ์ ลงพื้นที่สำรวจแนวการก่อสร้าง ศึกษาขอบเขต และประสานกรมศิลปากรโดยตรง
นี่คือวิธีคิดของมืออาชีพ
ลงพื้นที่ก่อน วางข้อมูลก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ
ต่างจากบางหน่วยงานที่มักอนุมัติไปก่อน พื้นที่จริงเป็นอย่างไรค่อยว่ากันทีหลัง แล้วสุดท้ายงบบาน งานไม่เสร็จ หรือชนกับชุมชนเต็มๆ
การพูดคุยครั้งนี้ไม่ใช่แค่สร้างศาลา แต่คือการตอกย้ำว่า
องค์พระสมุทรเจดีย์ต้องถูกยกระดับเป็น “มรดกทางวัฒนธรรมประจำจังหวัด” แบบที่ไม่ใช่แค่คำพูดบนป้ายประชาสัมพันธ์
องค์พระสมุทรเจดีย์ มรดกเมืองปากน้ำที่ไม่ถูกลืม
เพราะที่ผ่านมา กี่ชั่วผู้ว่าฯ ที่พูดเรื่องนี้?
กี่หน่วยงานที่อ้างจะพัฒนา?
แต่พื้นที่ยังรกร้าง ไร้ระบบการพัฒนา ไม่มีพื้นที่พักผ่อน ไม่ดึงดูดการท่องเที่ยว ทั้งที่ควรเป็นแลนด์มาร์กระดับประเทศด้วยซ้ำ
วุฒิอาสา พลังหลังฉากที่กล้าชนประเด็นร้อนโดยที่
ที่ประชุมยังกล้าหยิบประเด็นร้อนอย่าง โรงงานคัดแยกขยะ อบต.บางปลา ที่ชาวบ้านร้องเรียนหนักขึ้นเรื่อย ๆ
สุรอรรถ ประธานวุฒิอาสาฯ สรุปชัดในที่ประชุมว่า
“หากขั้นตอนราชการถูกละเลย ก็ต้องเดินหน้าให้ถึงศาลปกครอง”
นี่คือสิ่งที่ภาคประชาชนอยากได้ยิน แต่ไม่ค่อยได้ยินจากหน่วยงานรัฐ
วุฒิอาสาฯ จึงกลายเป็น ตัวแทนเสียงประชาชนโดยไม่ตั้งใจ
เพราะพูดตรง ชัด ไม่เกรงใจใคร และไม่เสียผลประโยชน์กับใคร
บทบาทจริงของวุฒิอาสาฯ ที่หลายคนไม่รู้
องค์กรนี้ตั้งแต่ปี 2551 มีภารกิจสำคัญ คือ
“เสนอทางออก” ไม่ใช่เสนอปัญหา
และทุกข้อสรุปจะถูกนำส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
ประเด็นคือ—ผู้ว่าฯ ยุคไหนรับฟัง? ยุคไหนเมิน?
นี่แหละคำตอบว่าทำไมบางจังหวัดพัฒนา บางจังหวัดเดินวนซ้ำเดิม
สมุทรปราการวันนี้ต้องการอะไร?
ต้องการคนทำงานจริง
ไม่ใช่รายงานสวยหรู
ต้องการภาพใหญ่ที่ต่อเนื่อง
ไม่ใช่โครงการปีต่อปี
ต้องการมองอนาคต 20 ปี
ไม่ใช่มองแค่รอบงบประมาณ
และต้องการหน่วยงานที่กล้าพูดความจริง
แบบวุฒิอาสาฯ ในวันนี้
บทบาทวุฒิอาสาฯ ครั้งนี้สะท้อนว่า “เมืองปากน้ำ” ยังมีความหวัง เพราะยังมีคนเจนจัดประสบการณ์ ที่ไม่ยอมปล่อยให้เมืองเดินไปแบบ “ตามมีตามเกิด”
ร่วมคิด–ร่วมทำ–มอบแนวทาง












