เรื่องเล่าชาวสหกรณ์ ตอน ๒
โดย..เดลี่ไทม์
สหกรณ์ออมทรัพย์คือ เครื่องมือแห่งความมั่นคงทางการเงินที่ดีงามที่สุดของคนทำงาน แต่เมื่อมันกลายเป็นพื้นที่หาผลประโยชน์ ความเชื่อมั่นของสมาชิกย่อมถูกบั่นทอน
คำถามที่อยากฝากไว้คือ
“ เราจะยอมให้เงินของสมาชิกนับล้าน ถูกซ่อนอยู่หลังโต๊ะกรรมการที่ไม่มีใครตรวจสอบ ได้อีก นานแค่ไหน?”
หลังจากเราได้พูดถึง “เส้นทางเงินประกันกู้” ที่ไหลออกจากกระเป๋าสมาชิกสหกรณ์ไปสู่บริษัทประกันลึกลับในตอนก่อนหน้า วันนี้เราจะพาไปต่อยอดเรื่องราวที่ซับซ้อนกว่านั้น ใครคือ “ตัวจริง” ที่อยู่เบื้องหลังบริษัทเหล่านั้น? ใครเป็นเจ้าของผลประโยชน์ซ่อนเร้นในเครือข่าย “ประกันค้ำกู้” ซึ่งกำลังกลายเป็นอาณาจักรใหม่ของคนบางกลุ่มในระบบสหกรณ์
เมื่อเราย้อนดูรายชื่อบริษัทที่ได้รับสัญญาประกันวงเงินกู้จากสหกรณ์ออมทรัพย์หลายแห่งทั่วประเทศ จะพบชื่อที่ซ้ำกันบ่อยจนน่าประหลาดใจ บางบริษัทใช้ที่อยู่เดียวกันกับบริษัทรับเหมาทั่วไป หรือเป็นบริษัทใหม่ที่เพิ่งจดทะเบียนไม่ถึงปี แต่กลับได้สัญญามูลค่าหลายสิบล้านบาท
เมื่อสืบอีก…เราพบว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทเหล่านี้บางราย “มีชื่ออยู่ในสหกรณ์นั้นเอง”
บางคนเป็นอดีตกรรมการ
บางคนเป็นคู่สมรสหรือญาติใกล้ชิดของผู้บริหาร
และบางรายยังเป็น “ที่ปรึกษาทางการเงิน” ให้สหกรณ์เดียวกัน
เรียกได้ว่าเป็น “คนวงในที่ทำสัญญากับองค์กรของตัวเอง” แบบซ้อนกันอย่างแนบเนียน
กลไกการได้ประโยชน์ไม่ได้เกิดจากการรับเงินโดยตรงเสมอไป แต่จะมาในรูปของ “ผลตอบแทนแฝง” เช่น ค่าที่ปรึกษา /ค่าประชาสัมพันธ์บริษัท /ค่าเดินทางหรือค่าฝึกอบรม /หรือแม้กระทั่ง “เงินคืนใต้โต๊ะ” ที่ไม่มีใครกล้าบันทึกในบัญชี
ข้อมูลจากแหล่งภายในบางสหกรณ์ระบุว่า บริษัทบางแห่งหัก “ค่าการตลาด” ร้อยละ 10–15 ของเบี้ยประกัน เพื่อส่งกลับให้ผู้แนะนำหรือผู้มีอำนาจตัดสินใจ ซึ่งเมื่อคูณด้วยวงเงินประกันระดับหลายสิบล้านบาทต่อปี ตัวเลขผลประโยชน์ก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
หากวาดเป็นแผนผัง จะเห็นว่าเบื้องหลังบริษัทประกันค้ำกู้หลายแห่งประกอบด้วย 3 ขาใหญ่





