“ไพรัช ปธ. ออมทรัพย์ ” กลุ่มออมทรัพย์บ้านหอมศีลหมู่ที่ 3 จัดงานครบรอบ 18 ปี สมาชิกแก้มปริ! รับรางวัล กว่า 3 แสนบาท สมาชิกร่วมพัน ร่วมงาน ความหวังคนติดดิน
การจัดสวัสดิการชุมชนโดยภาคประชาชนเป็นแนวคิดใหม่ในสังคมไทยที่ถูกนํามาใช้ แต่ปี 2540 ซึ่งแนวคิดนี้ได้ปรากฏในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 การจัดระบบสวัสดิการชุมชนเป็นวิธีที่ก่อให้เกิดการพัฒนาทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และในสังคมที่กว้างกว่าชุมชน พร้อม ๆ กัน
ถือเป็นความสามารถของชุมชนในการพัฒนาการจัด สวัสดิการโดยภาคประชาชน มีเป้าหมายเพื่อทําคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ชุมชนสามารถพึ่งตนเอง นําไปสู่ความยั่งยืนได้ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เนื่องจากสวัสดิการที่รัฐจัดให้ยังไม่ ครอบคลุมประชากรอย่างถ้วนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มคนจนที่อยู่นอกเหนือสวัสดิการ โดยภาครัฐได้มี
การจัดสวัสดิการให้กับประชาชนรูปแบบต่างๆ กัน เช่น สวัสดิการเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ การสร้างบ้านพักคนชรา ศูนย์สงเคราะห์เด็ก ตลอดจนการสงเคราะห์ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสใน รูปแบบต่างๆ
ดําเนินการโดย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และอื่นๆ ซึ่งเป็นสวัสดิการในลักษณะสงเคราะห์ที่ต้องดําเนินการอย่างต่อเนื่องใช้งบประมาณจํานวนมาก แต่ให้บริการไม่ทั่วถึงประชากรไทย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 70 ล้านคน
ในจํานวนนี้จะเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และลูกจ้างบริษัทห้างร้านต่างๆ ข้าราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐจะจัดสวัสดิการให้อย่างครบวงจร ลูกจ้างบริษัทห้าง ร้านก็จะเข้าสู่ระบบประกันสังคมได้รับสวัสดิการอย่างครบวงจรเช่นเดียวกัน
ในขณะที่ประชาชน ทั่วไปอีกกว่า 50 ล้านคน ยังไม่มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต นอกเหนือจากสวัสดิการ ที่รัฐจัดให้เบื้องต้น ซึ่งเป็นสวัสดิการในลักษณะสงเคราะห์ที่ให้บริการไม่ทั่วถึง และไม่ครอบคลุมความจําเป็นพื้นฐาน ของชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ยังมีคนชายขอบ ด้อยโอกาสไร้ที่พักพิงอยู่อาศัย ไม่มีแม้ 13 หลัก อยู่ก็ไม่น้อย
กลุ่มออมทรัพย์บ้านหอมศีลหมู่ที่ 3
ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่ มีรูปแบบ การจัดสวัสดิการโดยชาวบ้านรวมกลุ่มกัน จัดต้ังคณะกรรมการกลางของหมู่บ้านขึ้น เพื่อดำเนินการจัดการ สวัสดิการต่างๆ ให้กับคนในชุมชน คณะกรรมการส่วนมากเป็นผู้อยู่ในชุมชน คนพื้นที่
ไพรัช เรืองฤทธิ์ ประธาน กลุ่มออมทรัพย์บ้านหอมศีลหมู่ที่ 3 กล่าวว่า 1 กันยายน 2549 ได้จัดตั้งกลุ่มครั้งแรก มีสมาชิก 45 คน จำนวนเงินออม 8,300 บาท ปัจจุบันมีสมาชิก จำนวน 2,006 คน มีเงินออมรายเดือน 305,000.00 บาท เงินฝากออมทรัพย์ 44,744,000 บาท ให้สมาชิกกู้ยืมไป 42 ,686,246 บาท ส่วนทรัพย์สินมีที่ดิน 4.25 ไร่
ไพรัช บอกต่อว่า การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบล เพื่อจัดสวัสดิการ เกิด แก่ เจ็บ ตายและสวัสดิการอื่นๆ วันที่16 กันยายน 2552 จัดตั้งร้านสวัสดิการชุมชน เป็นหุ้นส่วนของกลุ่มออมทรัพย์กับสมาชิก 51/49% ลงทุนไป 3 แสนบาท ให้บริการสมาชิกในด้านเศรษฐกิจครัวเรือน เพื่อลดรายจ่าย
ซึ่งทั้ง 3 องค์กร ได้จดแจ้งเป็นองค์กรสวัสดิการชุมชน กับ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นที่เรียบร้อย
และเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา มีการประชุมคณะกรรมการกลุ่ม ตัวแทน เพื่อชี้แจงงบประมาณการบริหารจัดการ พบปะสังสรรค์ พร้อมแจกรางวัลสมาชิกที่เข้าร่วมและไม่ได้เข้าร่วมโดยการจับฉลาก มอบรางวัลแก่กรรมการดีเด่น และตัวแทนที่มีผลงานดี ติดตามสมาชิกเอาใจใส่ดีมาตลอด
“เรายืนบนขาตนเองมาตลอด 18 ปี ปัญหามี แต่ได้แก้ไข รู้วิธีการบริหาร โดยไม่ต้องตามพึ่งราชการ “
นพพล คงเขียว หนึ่งในสมาชิก บอกว่า ผมเป็นหนี้เป็นสิน เข้าพักหนี้โครงการ 3 ปี แต่สุดท้าย พอปีที่ 4 ผมต้องจ่าย ดอกเบี้ย เป็น แสนบาท วันนี้ผมเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ ขอกู้เงิน ไปใช้หนี้ธนาคารจนหมดเกลี้ยง มาจ่ายให้กลุ่มออมทรัพย์ ยังได้รับโบนัส จากร้านค้าอีกด้วย
ขณะที่ นางทัศนีย์ เสวีวัลลพ สมาชิกอีกราย บอกว่า ตนเองมีอาชีพพนักงานบริษัท เงินเดือนไม่มาก ลูก 2 คน ต้องเรียน ค่าใช้จ่ายสูง เกือบไม่ได้เรียน ก็ปรึกษากับประธานกลุ่มออมทรัพย์ วันนี้ ทุกอย่าง ปลอดภัย ลูกก็ได้เรียนกันทุกคน
นายคำหล้า โพธิ์สาลี สมาชิกกลุ่มที่ 24 พนักงานบริษัท ตนเป็นสมาชิก วันนี้ได้มีการต่อเติมบ้าน ก็ได้รับเงินจากกองทุนนี้แหละมาเป็นตัวช่วย สามารถทำได้สำเร็จไม่ต้องไปเป็นหนี้เป็นสินที่อื่นที่มีดอกเบี้ยสูง ยังได้รับโบนัสกลับคืน จากร้านค้าอีกด้วย.