อาชีวะดินแดนสนธยา : กล้าปิดช้างตายทั้งตัว?
✍️ โดย นายรักษ์
“ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิด” คำโบราณไทยที่ใช้เปรียบเปรยเรื่องความผิดร้ายแรงซึ่งไม่อาจปกปิดได้ แม้จะพยายามกลบเกลื่อนเพียงใดก็ตาม เพราะความจริงย่อมส่งกลิ่นฟุ้งออกมาจนผู้คนรับรู้ได้เสมอ
คำเปรียบเปรยนี้ กลับมาเข้ากับสถานการณ์ในแวดวงการศึกษาไทยในเวลานี้อย่างพอดิบพอดี กับกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ถูกวิจารณ์หนัก จากการสอบคัดเลือก ผู้อำนวยการสถานศึกษา 33 ตำแหน่ง ที่ปรากฏข้อครหาเรื่องความไม่โปร่งใส ความเกี่ยวพันส่วนตัว และผลประโยชน์ทับซ้อน จนสังคมตั้งคำถามกันทั่ว
ล่าสุด ผู้บริหารระดับสูงของ สอศ. ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ โดยยืนยันว่าการสอบเป็นไปอย่างโปร่งใส มีคุณภาพ และเป็นธรรม พร้อมทั้งบอกว่า “เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว” ของผู้ที่สอบได้นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการสอบ และเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล
แต่คำชี้แจงนี้ กลับยิ่งเพิ่มข้อกังขาในสังคม – เพราะสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็น “เรื่องส่วนตัว” นั้น อาจกำลังส่งผลโดยตรงต่อ “ผลประโยชน์สาธารณะ”
เรื่องส่วนตัวที่ไม่เล็กน้อย
หากผู้บริหารมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้สอบได้ โดยเฉพาะในลักษณะ “ลับๆ” ที่อีกฝ่ายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และตัวเองเป็นผู้มีอำนาจในการจัดสอบ
สังคมก็ย่อมมีสิทธิ์ตั้งคำถามว่า
นี่คือการใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ ?
องค์กร เจริญก้าวหน้าก็เพราะผู้นำ นำทำดี องค์จะล้มเหลวก็ผู้นำ ทำอับปรีย์ ฉันใดก็ฉันนั้น
วันนี้สายตาทุกคู่ ที่มองดูผู้นำองค์กร ปฏิบัติถูกต้องหรือไม่อย่างไร กำลังตรวจสอบพฤติกรรมผู้นำเหล่านี้
นำออกเผยแพร่ ประจานด้วยความเหยียดหยาม
สุดท้ายก็หลุดออกไป ไม่เป็นที่ยอมรับขององค์กรนั้น
มองแต่ผมหงอกหัวคนอื่น ของตนขาวโพลนไม่เห็น
พ.ร.บ. ป.ป.ช. ปี 2561 หมวด 6 ว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม
ระบุไว้ชัดว่า กรณีแบบนี้สามารถถูกร้องเรียนและตรวจสอบได้
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ผู้บริหารคนดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในกระบวนการสอบครั้งนี้ และยังมีข่าวแว่วว่ามีการเรียกกรรมการสอบไป “พูดคุย” หรืออาจถึงขั้นกดดัน ไม่ให้เปิดเผยข้อมูลต่อกรรมาธิการการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎร
สังคมกำลังรอฟังคำตอบ
เครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย (ค.ร.อ.ท.) ได้ยื่นเรื่องถึง นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในการสอบครั้งนี้อย่างจริงจัง พร้อมตั้งคำถามว่า
- ทำไมผู้สอบได้จึงชนะผู้มีประสบการณ์สูงทั่วประเทศ?
- ทำไมจึงใช้เกณฑ์การสอบที่ ก.ค.ศ. ยกเลิกแล้ว?
- มีการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มหรือไม่?
- การให้คะแนนของกรรมการมีมาตรฐานหรือเปล่า?
- มีใครได้ประโยชน์จากการจัดสอบครั้งนี้บ้าง?
คำถามเหล่านี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่สิ่งที่ชัดแล้วคือ… “ความน่าเชื่อถือของระบบการศึกษา” กำลังถูกสั่นคลอน
ถึงเวลาผู้นำต้องกล้า
เหตุการณ์นี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของทั้งกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานอาชีวศึกษา และอาจส่งผลกระทบต่อ ดัชนีความโปร่งใส (ITA) ของหน่วยงานรัฐอย่างรุนแรง หากไม่มีการตรวจสอบที่โปร่งใสและจริงจัง
บทบาทสำคัญในตอนนี้ จึงอยู่ที่ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่าจะ “กล้า” พอหรือไม่ ที่จะจัดการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของกระทรวงและฟื้นฟูศรัทธาจากสังคม
ปิดช้างตายไม่ได้ด้วยใบบัว
ในยุคที่ข้อมูลไหลเวียนเร็ว ความจริงไม่อาจถูกซ่อนนาน ใบบัวใบบางอาจพอปิดตาชั่วคราว แต่ไม่อาจปิด “กลิ่นเหม็น” ของความไม่ชอบธรรม
เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องของตำแหน่ง ไม่ใช่เพียงเรื่องของความสัมพันธ์
แต่คือ “บททดสอบศีลธรรม และความกล้า” ของผู้นำในระบบราชการ
จะยอมให้สังคมตราหน้าเข้าใจว่าอาชีวะคือ “ดินแดนสนธยา” หรือจะลุกขึ้นสางปัญหาให้สว่าง
…คำตอบอยู่ที่ “ความกล้า” ของคนระดับสูง
เพราะเมื่อช้างตายทั้งตัว ใบบัว…ปิดไม่มิด