“สวนนงนุช” ต้นแบบท่องเที่ยว ผนึก สปสช. เปิดบริการบัตรทอง

เปิด “คลินิกแพทย์แผนไทย – คลินิกเวชกรรม” ดูแลสุขภาพพนักงาน ชุมชน และนักท่องเที่ยว เข้าถึงบริการฟรี เพิ่มความสะดวก ลดภาระค่าใช้จ่าย

ที่สวนนงนุชพัทยา ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมให้การต้อนรับ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ นพ.สุรทิน มาลีหวล ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 6 ระยอง ที่ลงพื้นที่ติดตามการให้บริการของ “คลินิกการแพทย์แผนไทยสวนนงนุช” และ “สวนนงนุชคลินิกเวชกรรม” ซึ่งเข้าร่วมระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง 30 บาท)

คลินิกการแพทย์แผนไทยสวนนงนุช เปิดบริการตั้งแต่ 26 พฤษภาคม 2568 โดยขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการเฉพาะด้านแพทย์แผนไทย ขณะที่สวนนงนุชคลินิกเวชกรรม เปิดขึ้นทะเบียนเมื่อ 26 มิถุนายน 2568 และอยู่ระหว่างเตรียมการจัดบริการเต็มรูปแบบ

นายกัมพล กล่าวว่า การจัดตั้งคลินิกฯ มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และพนักงานในสวนนงนุช เข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างสะดวกและทั่วถึง โดยเฉพาะการใช้สิทธิบัตรทองที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย แม้ปัจจุบันคนยังไม่คุ้นชินกับแพทย์แผนไทยมากนัก แต่ก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

พท.สุรีรัตน์ สุนันต๊ะ แพทย์แผนไทยประจำคลินิกฯ เปิดเผยว่า หลังเข้าร่วมบัตรทอง มีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 5 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและประชาชนรายได้น้อยในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในสวนนงนุช โดยมีการรักษาหลากหลาย เช่น ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ออฟฟิศซินโดรม การอยู่ไฟหลังคลอด และการฟื้นฟูสุขภาพด้วยวิธีแพทย์แผนไทย (นวด อบ ประคบ)

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. ระบุว่า สปสช.กำลังขยายสิทธิประโยชน์ด้านแพทย์แผนไทย เช่น การพอกเข่า ฝังเข็ม และตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้ จะเพิ่มบริการนวดไทยอีก 7 กลุ่มอาการ พร้อมแนะนำให้สวนนงนุชพิจารณาเพิ่มบริการด้านยาสมุนไพร เพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าถึงยาที่มีประโยชน์ เช่น ฟ้าทะลายโจร

ทั้งนี้ สปสช.ชี้ว่าโมเดล “สวนนงนุช” สามารถเป็นต้นแบบให้สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ นำไปปรับใช้ โดยนอกจากช่วยเสริมรายได้ช่วงโลว์ซีซันแล้ว ยังตอบโจทย์การดูแลสุขภาพคนในพื้นที่ได้จริง

ผู้ใช้บริการสูงวัยวัย 72 ปี รายหนึ่งสะท้อนว่า การมีคลินิกแพทย์แผนไทยเข้าร่วมสิทธิบัตรทอง ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายการนวดบำบัดจากครั้งละ 250 บาท เหลือฟรี ทำให้การดูแลสุขภาพกายและใจเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ถือเป็นประโยชน์แท้จริงแก่ผู้สูงอายุ