back to top
34.7 C
Samut Prakan
Sunday, October 19, 2025
spot_img

ข่าวใหม่ล่าสุด

spot_img

Daily Times Online บทความทางกฎหมาย โดยอัยการวรเทพ สกุลพิชัยรัตน์ เรื่อง ยกฟ้องบัญชีม้า เพราะเหตุฟ้องเคลือบคลุม ปัญหาการดำเนินคดี อาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ปัญหาและข้อจำกัดการดำเนินคดีกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี :

กรณีศาลยกฟ้อง “บัญชีม้า” ด้วยเหตุฟ้องเคลือบคลุม

โดยอัยการวรเทพ สกุลพิชัยรัตน์

อาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการฉ้อโกงออนไลน์ที่ใช้ ” บัญชีม้า ” เป็นเครื่องมือ ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงแก่ประชาชน แม้ว่ารัฐจะมีการออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นและระงับบัญชีที่เกี่ยวข้อง แต่ความท้าทายที่สำคัญในกระบวนการยุติธรรมคือ ปัญหาและข้อจำกัดในการดำเนินคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา “ยกฟ้อง” จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีม้าด้วยเหตุผลว่า ” ฟ้องเคลือบคลุม ”

คดีที่หนึ่ง – โจทก์บรรยายฟ้อง การกระทำความผิดของจำเลยว่าเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระและขอให้ลงโทษตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ โดยการกระทำของจำเลยตามฟ้องข้อ ๑.๑ ที่เป็นความผิดตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๖๖ มาตรา ๙ ( เปิดบัญชีม้า ) มีองค์ประกอบความผิด ข้อหนึ่งว่า “เปิดและยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง…” แต่ตามฟ้องข้อ ๑.๒ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวก “ร่วมกันหลอกลวงประชาชน” เป็นการทั่วไปและจากการหลอกลวงดังกล่าว เป็นเหตุให้จำเลยกับพวกได้เงินไปจากนางสาว ล. ผู้เสียหาย โดยที่ผู้เสียหาย โอนเงินไปยังบัญชี เงินฝากธนาคาร ก. จำกัด (มหาชน) ของจำเลย ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างว่า จำเลยกระทำความผิด (ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน) โดยใช้บัญชีเงินฝากดังกล่าวเพื่อตนเองหรือเพื่อกิจการที่จำเลยมีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น การกระทำตามฟ้องข้อ ๑.๒ นี้ จึงขัดกับลักษณะแห่งความผิดตามฟ้องข้อ ๑.๑ ( เปิดบัญชีโดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ) นับว่า เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความจะมิได้หยิบยกขึ้นว่ากล่าว ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ พิพากษายกฟ้อง

คดีที่สอง – ฟ้องโจทก์ทั้งสองข้อ จึงขัดแย้งและเคลือบคลุมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัญหาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ก็มิอาจลงโทษจำเลยตามฟ้องของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา ๑๘๕ ยิ่งกว่านี้ หากแม้นลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์ข้อ ๑.๑ ( ฐาน เปิดบัญชีม้าโดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง…”) ซึ่งขัดแย้งกับการกระทำของจำเลยตามฟ้องข้อ ๑.๒ ( ฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยใช้บัญชีม้าเพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง) ย่อมจักเป็นการทำให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เปิดบัญชีม้าต้องถูกลงโทษและต้องรับโทษหนักกว่าผู้กระทำผิดคนอื่นซึ่งเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิด ในมูลเหตุเดียวกัน ( ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน) เพียงเพราะว่า จำเลยเป็นตัวการผู้ทำหน้าที่เปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร (บัญชีม้า) เพื่อรับโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิดเท่านั้น (จำเลยซึ่งผู้เปิดบัญชีม้าจะต้องรับโทษรวมสองกรรม คือ เปิดบัญชีม้าและร่วมกันฉ้อโกงฯ ส่วนจำเลยอื่นที่ไม่ได้เป็นผู้เปิดบัญชีม้า กลับรับโทษเพียงกรรมเดียวคือ ร่วมกันฉ้อโกง เท่านั้น ) ซึ่งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๕ เมื่อฟ้องโจทก์เคลือบคลุมด้วยเหตุดังวินิจฉัยดังกล่าว จึงมิอาจลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง

วิเคราะห์เหตุแห่งการยกฟ้องด้วยเหตุ ” ฟ้องเคลือบคลุม ”

การที่ศาลมีคำสั่งยกฟ้องคดีอาญาด้วยเหตุ “ฟ้องเคลือบคลุม” เป็นปัญหาทางด้านวิธีพิจารณาความอาญาที่เกี่ยวกับความสมบูรณ์ของคำฟ้อง

ตามหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คำฟ้องจะต้องบรรยายถึงองค์ประกอบของความผิดอย่างชัดเจนพอสมควร โดยต้องแสดงข้อเท็จจริงและรายละเอียดแห่งการกระทำผิดเพื่อให้จำเลยสามารถเข้าใจข้อกล่าวหาและสามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ การบรรยายฟ้องที่ “เคลือบคลุม” คือ การบรรยายที่ไม่ชัดเจน ไม่สมบูรณ์ หรือขาดสาระสำคัญที่จำเป็นในการวินิจฉัยความผิด รวมถึงการบรรยายฟ้องที่มีความขัดแย้งกันว่า…จำเลยกระทำความผิดฐานใดแน่ระหว่างความผิดทั้งสองฐาน

ในกรณีของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ใช้บัญชีม้า มักเกิดปัญหาในการเชื่อมโยงการกระทำของ “ เจ้าของบัญชีม้า” กับความผิดฐานหลัก ( ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ) ทำให้การดำเนินคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

๑. ขาดการระบุบทบาทที่ชัดเจน : หากโจทก์เพียงบรรยายว่า “ จำเลยเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่รับโอนเงินจากการฉ้อโกง โดยไม่ได้บรรยายอย่างชัดเจนว่า จำเลยมีเจตนา หรือย่อมเล็งเห็นผล ในการร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ต้น หรือเป็น “ตัวการ” หรือเป็นเพียง “ผู้สนับสนุน” อย่างไร การฟ้องเช่นนี้อาจถือว่าเคลือบคลุมได้

๒. การเชื่อมโยงการกระทำ : ในความผิดฐานฉ้อโกง ( ตามมาตรา ๓๔๑-๓๔๔ แห่งประมวลกฎหมายอาญา) หรือความผิดฐานนำเข้าสู่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ (ตามมาตรา ๑๔ แห่ง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ) โจทก์ต้องแสดงให้เห็นว่า การกระทำของจำเลย (การเปิดบัญชีม้าและส่งมอบบัญชีม้า) เป็นส่วนหนึ่งของการหลอกลวง (ฉ้อโกง , ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรือ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นอย่างไร การขาดรายละเอียดเหล่านี้อาจทำให้ศาลเห็นว่า คำฟ้องไม่ชัดเจนพอที่จำเลยจะสามารถนำสืบข้อต่อสู้ได้ ซึ่งเป็นหลักประกันสิทธิของจำเลย

๓. เป็นการยากที่จะบรรยายฟ้อง และ/หรือ นำสืบได้ว่า จำเลยเปิดบัญชีม้าอย่างเดียวโดยได้รับค่าตอบแทนเพียงครั้งเดียว อันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๖๖ มาตรา ๙ ( เปิดบัญชีม้า ) ซึ่งมีองค์ประกอบความผิดข้อหนึ่งว่า “เปิดและยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง…”

หรือ จำเลยเข้าไปมีส่วนร่วมโดยได้รับค่าตอบแทนในการเข้าไปร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ด้วยการภายหลังเปิดบัญชีม้าแล้วส่งมอบบัญชีม้าให้กับพวกของจำเลยแล้ว จากนั้นเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยการ “สแกนใบหน้า” เพื่อเบิกถอนเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดดังกล่าวออกจากบัญชีม้าที่จำเลยได้เปิดแล้วส่งมอบให้พวกของจำเลยนำไปกระทำผิด อันมีลักษณะการมีส่วนร่วม หรือ เป็นตัวการร่วมกระทำผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ฯลฯ ”

แต่หากจำเลยเข้าไปมีส่วนร่วมเกี่ยวข้องด้วย เช่น จำเลยกับพวกร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดย “ ใช้บัญชีม้าที่จำเลยเป็นผู้เปิดดังกล่าว” รับโอนเงินที่ได้มาจากการที่พวกของจำเลยกระทำผิด ก็อาจทำให้ ไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ฐาน ” เปิดและยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตน หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง…” ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๖๖ มาตรา ๙ ทั้งนี้ เนื่องจาก จำเลยเจตนาใช้บัญชีที่จำเลยเปิด (บัญชีม้า) เพื่อประโยชน์ตนเอง

ผลของการยกฟ้องและทางออกในการดำเนินคดีใหม่ : ฟ้องคดีนี้ใหม่ได้หรือไม่ และจะเป็นฟ้องซ้ำหรือไม่?

“ การยกฟ้องด้วยเหตุฟ้องเคลือบคลุม ไม่ถือว่า ศาลได้วินิจฉัยในเนื้อหา (Merits) ” แล้ว

การยกฟ้องเนื่องจาก ฟ้องเคลือบคลุม ถือเป็นคำสั่งทางด้านกระบวนการยุติธรรม (Procedural Order) ที่วินิจฉัยความไม่สมบูรณ์ของรูปคดี ไม่ใช่การวินิจฉัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดหรือไม่ หรือไม่มีความผิดตามข้อเท็จจริงที่นำสืบ ดังนั้น จึงไม่ถือว่าเป็นฟ้องที่ศาลได้วินิจฉัยในเนื้อหาแล้ว

ผลทางกฎหมาย คือ โจทก์สามารถนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ ตราบเท่าที่คดียังไม่ขาดอายุความ และการฟ้องใหม่นี้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ (Res Judicata) เนื่องจากศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาในประเด็นแห่งความผิด (เนื้อหา) ดังที่กำหนดไว้ในหลักการเรื่องฟ้องซ้ำ

แนวทางแก้ไขปัญหาฟ้องเคลือบคลุมในทางปฏิบัติและกฎหมาย:

๑. การปรับปรุงการสอบสวนและคำฟ้อง: พนักงานสอบสวนจักต้องสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและพนักงานอัยการควรต้องระบุบทบาทของจำเลยที่เป็นบัญชีม้าให้ชัดเจนว่า จำเลยกระทำในฐานะ “ตัวการร่วม” ในความผิดฐานฉ้อโกง/นำเข้าข้อมูลเท็จ (ต้องพิสูจน์เจตนาเข้าร่วมกระทำผิดตั้งแต่ต้น) หรือฐานะเป็น “ผู้สนับสนุน” (กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก) และต้องระบุพฤติการณ์ที่แสดงถึงการกระทำโดยมี เจตนา ในการให้ความสะดวกนั้นอย่างละเอียด

๒. การใช้พระราชกำหนดฯ เพื่อบรรเทาความเสียหาย: แม้การดำเนินคดีอาญาจะติดขัด แต่ผู้เสียหายสามารถใช้กลไกใน พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อบรรเทาความเสียหายเฉพาะหน้าได้ โดยกำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ต้องระงับการทำธุรกรรมเป็นการชั่วคราว (ไม่เกินเจ็ดวัน) เมื่อพบ “เหตุอันควรสงสัย” ว่าบัญชีนั้นเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

๓. การเน้นบทบาทผู้สนับสนุน: หากพยานหลักฐานไม่ถึงขั้นเป็น “ตัวการร่วม” โจทก์ควรบรรยายฟ้องโดยเน้นความผิดฐาน “ผู้สนับสนุน” การกระทำความผิด (มาตรา ๘๖ ประมวลกฎหมายอาญา) ซึ่งกำหนดให้ผู้สนับสนุนต้องรับโทษ “ สองในสามส่วน” ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น การบรรยายฟ้องในฐานะ “ผู้สนับสนุน” จะมีข้อจำกัดทางข้อเท็จจริงน้อยกว่าการบรรยายในฐานะ “ตัวการร่วม”

การวิเคราะห์แนวทางแก้ไขปัญหาโดยการ “ประทับฟ้องไปก่อน”

การที่ศาลยกฟ้องด้วยเหตุฟ้องเคลือบคลุม อาจสร้างความเสียหายและก่อให้เกิดภาระแก่ผู้เสียหาย (ประชาชน) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทำให้กระบวนการเรียกร้องความเป็นธรรมและค่าเสียหายล่าช้าออกไป ดังนั้น การเสนอให้ศาล “ประทับฟ้อง” ไปก่อน แม้คำฟ้องอาจจะไม่ชัดเจน เพื่อเปิดโอกาสให้โจทก์ได้สืบพยานเพื่อพิสูจน์บทบาทของจำเลย ไม่ว่าจะเป็นเพียงผู้เปิดบัญชีม้าเพียงอย่างเดียว หรือ เป็นตัวการร่วมกระทำผิดฐาน ฉ้อโกง / นำเข้าข้อมูลเท็จ, หรือเป็นผู้สนับสนุนฉ้อโกง ก่อนที่ศาลจะได้พิพากษาลงโทษตามพยานหลักฐานที่ปรากฏนั้น

การปรับใช้กฎหมายอาญาตามบทบาทที่พิสูจน์ได้:

การปรับบทลงโทษตามบทบาทที่พิสูจน์ได้ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสมตามประมวลกฎหมายอาญา

๑. หากพบว่า “ เป็นเพียงผู้เปิดบัญชีม้า” (โดยไม่มีเจตนา/รู้เห็นการฉ้อโกง) : หากพิสูจน์ได้แต่เพียงว่า จำเลยเปิดบัญชีม้า แต่ไม่ถึงขั้นมีเจตนาหรือเล็งเห็นผลการฉ้อโกง/นำเข้าข้อมูลเท็จ และหากไม่มีกฎหมายเฉพาะที่กำหนดความผิดฐาน “เปิดบัญชีม้า” โดยตรงแล้ว โจทก์ก็อาจไม่สามารถลงโทษจำเลยตามฐานความผิดหลักได้

๒. หากพบว่า “ เป็นตัวการร่วมฉ้อโกง/นำเข้าสู่ข้อมูลคอมพิวเตอร์เป็นเท็จ” : หากพยานหลักฐานชี้ชัดว่า จำเลยได้ร่วมกระทำความผิดโดยมีเจตนาเป็น “ตัวการ” ในการฉ้อโกง (มาตรา ๓๔๑-๓๔๔ ) หรือนำเข้าข้อมูลเท็จ ศาลย่อมลงโทษตามบทหนักที่สุดแก่จำเลยฐาน “ ตัวการร่วม” ได้ (ถ้าความผิดเข้าองค์ประกอบ)

๓. หากพบว่าเป็น “ผู้สนับสนุน” ฉ้อโกง/เปิดบัญชีม้า : หากจำเลยกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำความผิด “ก่อน”หรือ “ ขณะกระทำความผิด” จำเลยย่อมต้องรับโทษในฐานะ “ผู้สนับสนุน” ซึ่งต้องระวางโทษ “สองในสามส่วน” ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

บทสรุปของแนวทางแก้ไข:

การแก้ปัญหาหลักคือ การปรับปรุงคำฟ้องให้ละเอียดและชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาฟ้องเคลือบคลุมตั้งแต่แรก เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสิทธิจำเลย โดยพนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดแจ้งว่า จำเลยเป็นเพียงผู้เปิดบัญชี (บัญชีม้า) โดยไม่ได้มีเจตนาใช้บัญชีดังกล่าวเพื่อประโยชน์ตนเอง หรือกิจการของตนเอง หรือ จำเลยเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย หรือ เป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐาน ฉ้อโกง ฯ และในขณะเดียวกัน การใช้พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อระงับการทำธุรกรรมในบัญชีม้าตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม นับเป็นมาตรการสำคัญในการช่วยลดความเสียหายแก่ประชาชนได้ทันท่วงที ก่อนที่คดีอาญาจะเข้าสู่การพิจารณาของศาล.

• นายวรเทพ สกุลพิชัยรัตน์

อัยการพิเศษฝ่ายชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ๑ สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด

(อดีต) รองประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน (คนที่สอง) ในคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ในสภาผู้แทนราษฎร ( สมัยที่ ๒๕)

๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๘

เพิ่มเพื่อน Line Official

spot_img

ข่าวใหม่ล่าสุด

ข่าวเด็ด ห้ามพลาด