“ใจฟู…เพราะความซื่อสัตย์ยังมีอยู่จริง”

ระหว่างที่ผู้เขียนเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 ว่าด้วยการตรวจสอบโครงการภาครัฐและการสังเกตสัญญาณทุจริต การอบรมเข้มข้นตลอดสองวันที่ตั้งใจจะนำความรู้กลับไปทำงานภาคประชาชน กลับกลายเป็นว่าในสถานที่เดียวกันนั้นเอง ผู้เขียนได้เห็น “บทเรียนของความซื่อสัตย์” เกิดขึ้นจริงต่อหน้าต่อตา

ประมาณเที่ยงครึ่ง หลังจากทานข้าวเสร็จและออกมานั่งพักหน้าโรงแรมแกรนด์ราชพฤกษ์ ตำบลบางพลับ อำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี บรรยากาศด้านหน้าเงียบสงบตามปกติ ทว่าจู่ๆ ผู้เขียนสะดุดตากับตำรวจหลายสิบนาย ทั้งสายตรวจและสายสืบ เดินเข้ามาบริเวณล็อบบี้ด้วยท่าทีเร่งรีบและเคร่งเครียด จึงอดสงสัยไม่ได้และเดินเข้าไปสอบถามใกล้ๆ

ก่อนจะพบภาพที่แทบไม่คาดคิด  เจ้าหน้าที่กำลังตรวจนับ เงินสดจำนวนมาก และ ทองรูปพรรณหลายรายการ ทั้งเข็มขัดทองหนัก 30 บาท สร้อยทอง แหวนเพชร รวมมูลค่าร่วม 4 ล้านบาท ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระบบเพื่อรอตรวจพิสูจน์และส่งคืนผู้เสียหาย

แต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่า “ปริมาณทรัพย์” คือ “ผู้ที่เก็บพบทรัพย์ทั้งหมด”

เขาคือ นายวศิน พวงพิกุล พนักงานขับรถของสำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดนนทบุรี ผู้พักอยู่ในโรงแรมเดียวกัน และบังเอิญพบเงิน–ทองชุดนี้ภายใน ลิ้นชักเก็บเสื้อผ้า ของห้องพัก 316 ระหว่างเตรียมเก็บสัมภาระเพื่อเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม

แม้จะไม่ใช่ของตนเอง
แม้จะไม่มีใครเห็นหรือรู้ว่าเขาพบอะไร
แต่เขากลับเลือกทำในสิ่งที่ “คนดีเท่านั้นที่ทำได้” 
รีบนำทรัพย์สินทั้งหมดลงมาคืนที่ล็อบบี้ทันที พร้อมขอให้พนักงานโรงแรมประสานตำรวจมาตรวจสอบตามขั้นตอนโดยไม่มีลังเลแม้แต่น้อย

จากการสอบถาม พ.ต.ท.ฉัฐวัฒน์ ศิริเบญศักดิ์ สว.สส.สภ.ชัยพฤกษ์ หัวหน้าทีมตำรวจ ทราบว่า มีผู้เสียหายแจ้งความไว้ตั้งแต่วันที่ 9–10 พฤศจิกายน ระบุว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็น เงินสินสอดและทองรูปพรรณจากงานแต่งงาน ที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย กระทั่งวันนี้จึงพบทั้งหมดครบถ้วนตามรายการเดิม

ตำรวจได้นัดผู้เสียหายมารับทรัพย์สินคืนที่ สภ.ชัยพฤกษ์ พร้อมยืนยันว่าทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความโปร่งใสที่สุด

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น…กลางการอบรมเรื่อง “การป้องกันทุจริต”!
มันจึงสะท้อนบทเรียนสำคัญยิ่งกว่าเอกสารหรือสไลด์ใดๆ—
“ระบบจะดีได้…ก็เมื่อคนในระบบเป็นคนดี”

นายวศินไม่ได้ทำหน้าที่แค่ “พนักงานขับรถ”
แต่ทำหน้าที่ “พลเมืองที่ซื่อสัตย์” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ท่ามกลางสังคมที่เต็มไปด้วยคำถามเรื่องความโปร่งใส คนตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับทำให้หัวใจเราฟูขึ้นอีกครั้ง เพราะพิสูจน์ให้เห็นว่า ความซื่อสัตย์ไม่ใช่คำพูดลอยๆ แต่คือ การลงมือทำ แม้ไม่มีใครมองเห็นก็ตาม

ต่อมา ผู้เขียนได้นำเรื่องราวนี้แจ้งให้ นางสาวชฎารัตน์ อนรรฆอร รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ภาค 1 และผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดนนทบุรีทราบ ทั้งสองท่านจึงลงมาร่วมรับฟังการตรวจสอบทรัพย์สินด้วยตนเอง ซึ่งประกอบด้วยเงินสดกว่า 2 ล้านบาท เข็มขัดทอง 30 บาท สร้อยทองและแหวนเพชร รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท

ในห้องประชุม รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ภาค 1 กล่าวอย่างหนักแน่นว่า
“คนที่เข้ามาอยู่ในองค์กรของเรา จะซึมซับเรื่องความสุจริต ไม่ทน ไม่โกง ไม่กิน แม้จะเพิ่งเข้ามาไม่นานก็ตาม”

ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน นายวศินได้เดินทางไปพบตำรวจและเจ้าของทรัพย์สินเพื่อส่งคืนตามกระบวนการ เสียดายที่ผู้เขียนติดการอบรมจึงไม่ได้พูดคุยกับผู้เสียหายเพิ่มเติม

ผู้เขียนยังได้สอบถามพนักงานโรงแรมว่าเหตุใดทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลเช่นนี้จึงตกค้างในห้องพักได้นานถึงกว่า 20 วัน ได้รับคำอธิบายว่าในช่วงนี้โรงแรมมีแขกเข้า–ออกน้อย ส่วนใหญ่เข้าพักกลางคืนและกลับเช้า ไม่ค่อยมีการทำความสะอาดระหว่างวัน จึงเป็นเหตุให้ไม่มีใครพบเห็นก่อนหน้านี้ ซึ่งพนักงานยอมรับว่า “งงเหมือนกันครับ” ว่าทำไมถึงอยู่ได้นานเช่นนี้

ทางเดลี่ไทม์ขอชื่นชมอย่างจริงใจต่อการกระทำของ
“คุณวศิน พวงพิกุล” พนักงานขับรถ สำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดนนทบุรี
ผู้ซื่อสัตย์…และเป็นแบบอย่างของพลเมืองดีที่สังคมไทยต้องการอย่างที่สุด